วันนี้ (17 ก.ค.2568) ที่รัฐสภา การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 เป็นประธาน ได้พิจารณารายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.2566 รวมถึงรายงานการประเมินผลการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สินประจำปีงบประมาณ 2566 ของสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
โดยมีผู้อภิปรายเพียง นายเอกราช อุดมอำนวย สส.กทม. พรรคประชาชน เพียงคนเดียว จากนั้น นายเฉลิมพงศ์ แสงดี สส.ภูเก็ต พรรคประชาชน ลุกขึ้นอภิปรายว่าสังเกตเห็นสมาชิกในห้องประชุมบางตา จึงขอให้มีการนับองค์ประชุมเพื่อตรวจสอบความตั้งใจของ สส.ฝ่ายรัฐบาล โดยมีผู้รับรองญัตติครบถ้วน
นายพิเชษฐ์ตอบรับด้วยการกดออดเรียกสมาชิกเข้าห้องประชุม พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนว่า "ไม่อยากอภิปรายแล้วหรือ" และขอให้วิปรัฐบาลแจ้ง สส.ที่อยู่ในห้องประชุมอื่นให้รีบเข้าห้องประชุมใหญ่
ด้านนายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่าการนับองค์ประชุมเป็นเรื่องดี แต่หากนับแบบขานชื่อจะใช้เวลานานถึงค่ำ จึงขอร้องให้เลี่ยงการนับองค์ประชุมในเดือนนี้ เพื่อให้การประชุมงบประมาณปี 2569 เสร็จสิ้นก่อน
อย่างไรก็ตาม นายเอกราช อุดมอำนวย ประท้วงว่าในสมัยก่อน นายพิเชษฐ์ มักเสนอนับองค์ประชุมบ่อยครั้ง คิดว่าประธานคงเข้าใจ สส.ฝ่ายค้านดี ขณะที่นายวัชระพล ขาวขำ สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย เสนอนับองค์ประชุมแบบขานชื่อเพื่อให้ชัดเจนว่า สส.จากจังหวัดใด มาประชุมหรือไม่
การถกเถียงเรื่องวิธีการนับองค์ประชุมระหว่างฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลดำเนินไปอย่างดุเดือด นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย และ รมช.คลัง ชี้ว่าตามข้อบังคับการประชุม อำนาจกำหนดวิธีตรวจสอบองค์ประชุมเป็นของประธาน ไม่จำเป็นต้องโหวตเลือกวิธีการ
นายพิเชษฐ์จึงระบุว่าได้พยายามประนีประนอมเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง และหากนับแบบขานชื่อจะใช้เวลานานมาก อาจต้องค้างคืน จึงขอให้คณะกรรมาธิการและอนุกรรมาธิการไปประชุมต่อ และตัดสินใจปิดการประชุมในเวลา 15.30 น. เพื่อหลีกเลี่ยงการนับองค์ประชุมที่อาจทำให้สภาล่ม
อ่านข่าวอื่น :