วันนี้ (24 ก.ค.2568) เวลา 12.30 น. นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) แถลงเกี่ยวกับสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ว่า รัฐบาลขอแสดงความเสียใจที่เหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นอีกครั้งที่ชายแดนไทยกัมพูชา ล่าสุดเช้าวันนี้ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงเข้ามาตรงข้ามฐานปฏิบัติการของไทย ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ และยิงจรวจ BM-21 เข้ามาในพื้นที่ชุมชน อ.กาบเชิง จนมีประชาชนได้รับบาดเจ็บ
เหตุการณ์โจมตีที่ไม่ใช้เป้าหมายทางการทหารยังเกิดขึ้นต่อเนื่องในพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะโรงพยาบาลพนมดงรักษ์ อ.พนมดงรักษ์ จ.สุรินทร์ และสถานที่ต่างๆ จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บอีกหลายคน
1. รัฐบาลขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการกระทำของกองทัพกัมพูชาที่ละเมิดอธิปไตยของไทยและกฎหมายระหว่างประเทศ ต่อเหตุการณ์ที่ฝ่ายกัมพูชาลอบเข้ามาวางกับระเบิดในดินแดนไทย เป็นผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ เมื่อวันที่ 16 ก.ค.และวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา อีกทั้งได้เปิดฉากยิงเข้ามาตรงข้ามฐานปฏิบัติการของไทย ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ในช่วงเช้าวันที่ 24 ก.ค. รวมทั้งโจมตีอย่างรุนแรงและต่อเนื่องในพื้นที่ของฝั่งไทย รวมถึงเป้าหมายพื้นที่พลเรือน โดยเฉพาะโรงพยาบาล
2. เมื่อคำนึงถึงความร้ายแรงจากการที่กัมพูชาจงใจ มีการกระทำเป็นปฏิปักษ์ชัดเจนต่อประเทศไทย รัฐบาลไทยจึงตัดสินใจลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูต โดยเรียกเอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชากลับประเทศ และให้เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยกลับไปกัมพูชาเช่นกัน
3. รัฐบาลไทยเรียกร้องให้กัมพูชายุติการกระทำที่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรงซ้ำ ๆ ขัดต่อหลักการความเป็นเพื่อนบ้านที่ดีและบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของกัมพูชาในประชาคมโลก
4. รัฐบาลไทยเรียกร้องให้กัมพูชาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและยุติการโจมตีเป้าหมายทางทหารและพลเรือน รวมทั้งยุติการละเมิดอธิปไตยไทยโดยทันที โดยรัฐบาลไทยพร้อมทยกระดับมาตรการป้องกันตนเอง หากกัมพูชายังไม่ยุติโจมตีทางอาวุธและละเมิดอธิปไตยของไทย ตามหลักสากลและกฎหมายระหว่างประเทศ
กต.ย้ำ "ลดสัมพันธ์การทูต" ยังไม่ถึงขั้นตัดสัมพันธ์กัมพูชา
โฆษก กต. ตอบคำถามผู้สื่อข่าวกรณีมีการตั้งคำถามกับท่าทีของประเทศไทยต่อกัมพูชา ว่า ประเทศไทยพูดมาตลอดว่ายึดมั่นในกฎหมายระหว่างประเทศ ทำเนียบปฏิบัติระหว่างประเทศ กฎระเบียบสหประชาชาติและกฎบัตรของอาเซียน จึงเป็นเหตุให้ไทยใช้ความมอดทนอดกลั้น และวันนี้ (24 ก.ค.) ไทยไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่ม แต่ได้ป้องกันตนเอง ซึ่งดำเนินการอย่างสมเหตุสมผลเพื่อป้องกันอธิปไตยของชาติและปกป้องคนไทย
เมื่อถามว่า กรณีที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ประเทศต่างๆ ในอาเซียนมีความพยายามเข้ามาช่วยคลี่คลายของไทยกับกัมพูชาหรือไม่ โฆษก กต. กล่าวว่า ยังไม่มี ในชั้นนี้ยังไม่การร้องขอประเทศในอาเซียน หรือประเทศใดๆ ก็ตามที่จะเข้ามาขอมีบทบาทใดๆ
ส่วนจะถึงขั้นตัดสัมพันธ์ทางการทูตหรือไม่นั้น โฆษก กต. กล่าวว่า ในการดำเนินความสัมพันธ์ทางการทูตสามารถลดระดับความสัมพันธ์ได้อย่างเป็นขั้นตอน เมื่อลดไปถึงระดับต่ำสุดก็จะนำมาสู่การตัดสัมพันธ์ทางการทูต โดยวันนี้ไทยได้เริ่มดำเนินมาตรการเรียกทูตไทยกลับประเทศ และขอให้ฝ่ายกัมพูชาเรียกทูตของเขากลับ เป็นมาตรการลดระดับทางการทูต ซึ่งยังเปิดช่องให้ข้าราชการที่เป็นนักการทูตมีช่องทางหารือกันได้ รวมถึงการดูแลคนไทยที่ยังอยู่ในกัมพูชาอีกหลายร้อยคน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
การตัดความสัมพันธ์ทางการทูตเป็นเรื่องยาก เป็นเรื่องไม่ง่าย หากตัดความสัมพันธ์ทางการทูตช่องทางการพูดคุยติดต่อและลดแรงกดดันที่มีอยู่ระหว่าง 2 ฝ่ายจะถูกปิดประตูออกไป หรือทำให้การเจรจาหาจุดร่วมได้ยาก ดังนั้นเรายังไม่ไปถึงจุดนั้น
อ่านข่าว
กัมพูชา เปิดฉากยิงตรงข้ามฐานหมูป่า ปราสาทตาเมือนธม
ภูมิธรรมสั่งหนัก! เรียกทูตไทยกลับ-ขับทูตกัมพูชา ปมระเบิดช่องอานม้า