วันนี้ (5 ส.ค.2568) นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ย้ำถึงบทบาทของประเทศไทยต่อปัญหากับกัมพูชาบนเวทีโลก ว่า ไทยไม่ได้เสียเปรียบและมีแต้มต่อ และสามารถกล่าวได้ว่าในเวทีโลกด้านการทูตการต่างประเทศไทยเป็นฝ่ายชนะ เพราะไทยย้ำเสมอว่าการแก้ไขปัญหาเขตแดนไทย-กัมพูชา จะต้องเป็นการดำเนินการโดยการเจรจาอย่างสันติวิธีในแบบทวิภาคี
นายรัศม์ ระบุว่า ม้ฝ่ายกัมพูชาจะพยายามลากเรื่องไปสหประชาชาติ ด้วยการเปิดโจมตีไทยก่อน รวมทั้งเป้าหมายพลเรือน เพื่อบีบบังคับให้ไทยต้องตอบโต้ป้องกันตนเอง เพื่อจะได้นำเรื่องเข้าสู่ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) และหวังให้ UNSC ส่งเรื่องไปศาลโลก (ICJ)
อย่างไรก็ตาม UNSC ไม่ได้ดำเนินการตามที่กัมพูชาหวัง และให้กลับมาหาข้อยุติในกรอบอาเซียนและอาเซียนก็ขอให้หยุดยิงและให้มีการเจรจาทวิภาคี ตามกลไกที่เคยตกลงกันไว้ ทั้ง GBC และ JBC ซึ่งโดยเป็นไปตามที่ไทยต้องการและย้ำเสมอมาตั้งแต่แรก ขณะที่กัมพูชากลับไม่ได้ตามที่หวัง ซ้ำยังต้องเสียหายอย่างหนัก ทั้งทางทหารและความน่าเชื่อถือในสายตาชาวโลก จากการเริ่มเปิดฉากยิงก่อนและจงใจรวมเป้าหมายทางพลเรือนของไทยด้วย
ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ยังระบุว่า ไม่มีประเทศใดออกมาประณามไทยหรือเข้าข้างกัมพูชา แม้ไทยจะเป็นประเทศที่ใหญ่กว่า โดยเฉพาะหลังจากที่ไทยตอบโต้การโจมตีของกัมพูชา ทั้งที่ปกติประเทศที่มีขนาดใหญ่กว่าย่อมถูกมองว่ามีแนวโน้มที่ใช้กำลังแก้ไขปัญหา ดังนั้นจึงยืนยันได้ว่าในเวทีโลกไทยเป็นฝ่ายได้เปรียบ ซึ่งการทูตไทยเน้นการสื่อสารด้วยข้อมูล ข้อเท็จจริงที่ถูกต้องและน่าเชื่อถือเสมอ
ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ยังยอมรับว่า ไทยเสียเปรียบเพลี่ยงพล้ำในสงครามข่าวสารในประเทศไทยเองแต่ไม่ใช่เวทีโลก เพราะทั้งจากความล่าช้าของหน่วยราชการที่ต้องรอพิสูจน์หลักฐานต่างๆ อย่างแน่ชัดก่อนแถลง เพราะต้องอยู่บนความถูกต้อและน่าเชื่อถือ จึงทำให้ล่าช้าหลายกรณีและต้องนำไปปรับปรุง
อย่างไรก็ตาม นายรัศม์ ยังระบุว่า กัมพูชาเป็นรัฐอำนาจนิยม เผด็จการ ย่อมสั่งการทุกอย่างได้รวดเร็วและไม่ได้ให้ความสนใจในความถูกต้องของข้อมูล ไม่มีสื่ออิสระ หรือฝ่ายค้านแท้จริงที่จะทำหน้าที่ตรวจสอบทัดทานใดๆ แต่สังคมไทยเปิดกว้างมีความหลากหลาย มีฝ่ายค้าน มีสื่ออิสระ รวมทั้งมีกลุ่มคนที่พร้อมจะเอาสิ่งที่ฝ่ายกัมพูชา กล่าวอ้างมาขยายผลโจมตีรัฐบาลไทยต่อ ซึ่งรวมถึงสื่อของไทยบางส่วนเองด้วย ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม จึงน่าแปลกใจที่การสื่อสารของฝ่ายรัฐบาลไทยยากที่จะเป็นฝ่ายชนะได้ แต่ก็ยืนยันอีกครั้งว่า ในเวทีโลกไทยไม่ได้เพลี่ยงพล้ำและถือว่ามีแต้มต่อด้วย
อ่านข่าว : ตาควาย "แดนสังหาร" ถอยตั้งรับ "ปรับยุทธวิธีรบ" รับมือ กัมพูชา
2 ทนาย แจ้งความเอาผิด "หมอปลาย" เหตุสร้างความตื่นตระหนกทำนายจะเกิดเหตุปะทะชายแดน
ทภ.2 สรุปล่าสุด "ชายแดนไทย-กัมพูชา" เร่งทำลายระเบิดที่ยังตกค้าง