แม้ในทางยุทธวิธีทหารไทยยังไม่สามารถควบคุมพื้นที่ปราสาทตาควายได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็สามารถ "ควบคุม"พื้นที่รอบแนวปราสาทได้มากกว่าก่อนเกิดเหตุปะทะ และเอาคืนพื้นที่เดิมไดัอีก 11พื้นที่ แม้จะคนละด้านกับฝั่งเขมร เงื่อนไขไม่ได้มีเพียงระเบิดสังหาร PMN-2 ที่ถูกฝังไว้เท่านั้น แต่การรักษาชีวิตของ "ทหาร" กำลังพลสำคัญ นอกเหนือจากชัยภูมิรบที่เสียเปรียบจึงเป็นการยอมถอยเพื่อรอรุกคืบในวันข้างหน้า
การผลัดรุกรับตลอดแนวรบพระวิหาร จุดปะทะบริเวณปราสาทตาควาย ในช่วงแรกๆ ทำให้กองทัพต้องสูญเสียทหารหน่วยรบพิเศษจำนวน 3 นาย ไม่รวมที่ได้รับบาดเจ็บอีกไม่น้อย โดยเฉพาะ "หมวดบุ๊ค" ร.ต.เกียรติวงศ์ สถาวร นายทหารหนุ่มเลือดน้ำเค็ม วัย 24 ปี หัวหน้าชุดปฏิบัติการรบพิเศษที่กรุยทางให้ ร.31 รอ.นำกำลังบุกเข้ายึดพื้นที่ได้สำเร็จ แม้เจ้าตัวจะพลาดเหยียบกับระเบิดจนสูญเสียขาขวาก็ตาม
"ถ้าผมไม่เข้าลูกน้องเขาก็ไม่ตามเราอยู่แล้ว ถ้าไม่ทำมันก็ไม่สำเร็จ" หมวดบุ๊ค กล่าวช่วงหนึ่งกับ พล.อ.เดชนิธิศ เหลืองงามขำ ผู้อำนวยการองค์การทหารผ่านศึกที่เข้าเยี่ยมที่โรงพยาบาล

สำหรับหมวดบุ๊ค หรือ ร.ต.เกียรติวงศ์ ถือเป็นทหารหนุ่มที่มีอนาคตไกลของกองทัพและหน่วยรบพิเศษ เนื่องจากจบหลักสูตรรบพิเศษ "ซีล" SEAL รุ่นที่ 53 ของหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการและเพิ่งได้รับเครื่องหมายจบหลักสูตรนักทำลายใต้น้ำจู่โจม เมื่อเดือนมิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ก่อนจะก้าวขึ้นสู่สมรภูมิรบที่ปราสาทตาควายในเดือนถัดมา
ท่ามกลางข้อกังขาว่า เหตุใดกองทัพไทยจึงไม่สามารถยึดปราสาทตาควายได้แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แม้จะมีหน่วยรบพิเศษเข้าไปวางกำลังปฏิบัติการในพื้นที่ร่วมกับกำลังรบสนับสนุนทางอากาศมีการปล่อยระเบิดขนาด 50 ปอนด์ หลายเที่ยวบินจากฝูงบิน F-16 และกริพเพน
มีการวิเคราะห์ข้อมูลจากหน่วยงานทางด้านความมั่นคงว่า กัมพูชา ไม่เคยล้มเลิกที่จะเอาคืนทหารไทย หลังจากรบแพ้เมื่อปี 2554 โดยมีการใช้เวลาเตรียมการณ์ทั้งอาวุธและกำลังทหารเพื่อเข้าประชิด 11 แนวรบเขาพระวิหารมานานถึง 15 ปี
และหากย้อนเหตุการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เกิดขึ้นเมื่อปี 2551 สมัยรัฐบาล "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" โดยมีการปะทะต่อเนื่องมาถึงปี 2554 บริเวณชายแดนเขาพระวิหารและเปิดสมรภูมิรบเต็มรูปแบบที่ "ปราสาทตาควาย-ตาเมือนธม" ด้านจ.สุรินทร์ และศีรษะเกษด้วยการยิงปืนใหญ่เข้ามา

สำหรับเหตุการณ์ครั้งนั้น มีทหารไทยเสียชีวิต 16 นาย และมีทหารเขมรซึ่งอยู่ภายใต้การนำของ "ฮุน มาเนต" ผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้นตายมากกว่า 2,000 คน
และในปี 2568 หลังเปิดสมรภูมิรบตลอดแนวรบพระวิหารฝั่งกัมพูชา ยังไม่มีรายงานการสูญเสีย แต่สื่อเวียดนาม รายงานว่า กัมพูชามีทหารเสียชีวิตมากว่า 6,000 นาย และศพที่ส่งกลิ่นบริเวณชายแดนไทยคงให้คำตอบได้ว่ากองทัพกัมพูชาสูญเสียกำลังพลมากน้อยเพียงใด ขณะที่ทหารไทยพลีชีพไปแล้ว 15 นายและได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนไม่น้อย
ขั้นตอนในการเตรียมการณ์ของฝั่งกัมพูชา ไม่ได้มีเพียงการตีเนียนส่งนักท่องเที่ยวกัมพูชาเข้ามาร้องเพลง ยั่วยุ หรือการผลักอก นำอาวุธออกมาโขว์พาวเพื่อต้องการให้ทหารไทยโต้กลับ แต่ก่อนหน้านั้นได้ขนกำลังเข้ามาจ่ออยู่ในพื้นที่ที่มีความได้เปรียบทางด้านชัยภูมิที่เอื้อให้กับกัมพูชาบริเวณเนิน350สู้ข่ม

มีรายงานระบุว่าทหารไทยไม่สามารถเข้าไปที่ปราสาทตาควายได้ขณะที่มีเหตุการณ์ปะทะ เนื่องจากมีทหารกัมพูชาอยู่ในตัวปราสาท แม้กองทัพอากาศจะนำระเบิดน้ำหนัก 500 ปอนด์จากเคครื่องบิน F-16 ไปหย่อนลง แต่หลังจากทิ้งเสร็จแล้วกลับออกมา ทหารเขมรก็โผล่ออกมาจากจุดที่ตั้งและใช้ความได้เปรียบตอบโต้ทหารไทย
ขณะเดียวกันยังมีการฝังกับระเบิดบริเวณรอบตัวปราสาทตาควาย ดังนั้นการปะทะตั้งแต่วันที่ 23-25 ก.ค.2568 จึงมีการชิงความได้เปรียบและเสียเปรียบในพื้นที่ โดยเฉพาะการเข้าไปยึดจุดสูงข่มเนิน 350 และยังพบข้อมูลสำคัญอีกว่า ทหารกัมพูชาได้เข้าไปขุดอุโมงค์คอนกรีตอยู่ด้านในตัวปราสาทอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้ทหารทั้งไทยและกัมพูชาต่างจะพยายามชิงความได้เปรียบในพื้นที่ตีคืนให้ได้ก่อนจะหยุดยิงในเที่ยงคืนวันที่ 28 ก.ค. แต่ด้วยปัญหาดังกล่าวจึงยากที่จะเข้าไปเพราะทหารกัมพูชาได้เสริมกำลังและอาวุธเข้ามาอย่างต่อเนื่อง หลังเครื่องบินหย่อนระเบิดไปแล้ว กัมพูชาก็ใช้ขว้างระเบิดใส่ทหารไทย

มีการประเมินสถานการณ์สู้รบในจุดที่กัมพูชาต้องการพื้นที่ นอกจากปราสาทตาควายและช่องอานม้า ภูมะเขือที่พบว่ากัมพูชาได้เสริมกำลังทหารเข้ามาอย่างต่อเนื่องแล้ว ทางกองทัพไทยก็ต้องตรึงกำลังตลอดแนวที่ได้พื้นที่คืนทั้งหมด ซึ่งเป็นที่พื้นที่ใหม่ 7 จุดและอีก 4 จุดล่อแหลมที่เขมรล้ำเข้ามาเมื่อปี 2554 เพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้าโจมตีและจำเป็นมีมาตรการป้องกันในระยะยาว ทั้งอาวุธยุทธโธปกรณ์และกำลังพลที่พร้อมรบ
สำหรับพื้นที่ตาควาย ขณะนี้ทางการไทยไม่ได้เสียเปรียบและยุทธวิธีทางทหาร ต้องมีการรุก ตั้งรับและถอย การถอยไม่ได้ความว่าแพ้ แต่มีการเตรียมการปรับแผนและกลยุทธ์ทุกด้านที่ "แดนสังหาร" ปราสาทตาควายหากจะยึด วิธีเดียวคงต้องใช้ "ระเบิดเจาะเกราะ" ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มี เนื่องจากไม่เคยคิดจะเข้าไปรุกรานประเทศใด
อ่านข่าว
ยอด "นักมวย"สู่ "นักรบ" ถือปืน สวมลายพราง "ชายแดนไทย-เขมร"
แนวรบชิง "ปราสาทตาควาย" เขมรปั่นกระแส "สงครามไซเบอร์"
“โดรน” กลยุทธ์เทคโนโลยี ส่งตรงเป้าหมาย “พื้นที่เสี่ยง” ต้องระวัง