“ข้อตกลงหยุดยิง” ในความหมายของทหารที่ใช้กันทั่วโลก ระบุชัดว่า “หากใครคุมพื้นทีได้ก่อนเวลาเส้นตาย (Deadline) พื้นที่จะตกเป็นของฝ่ายนั้นทันที โดยไม่มีข้อแม้ และไม่มีการคืนหลังเวลา ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ทหารไทยต้องใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน และ ร.31 รอ.จึงต้องแลกชีวิตที่แนวปะทะกัมพูชา เพราะหากไม่สามารถยึดคืนกลับมาได้ อาจจะต้องเสียแผ่นดินไทยตลอดกาล
กว่าจะปักธงชาติไทย บนพื้นที่ 5 จุดยุทธศาสตร์ตามแผนที่ 1 : 50,000 ตารางกิโลเมตร ภูมะเขือ ช่องอานม้า ปราสาทตาเมืองธม ปราสาทตาควาย และช่องบก เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติและรักษาชีวิตประชาชน ในช่วงระยะ 5 วันตั้งแต่วันที่ 23 ก.ค.2568 ที่ทหารกัมพูชาเป็นฝ่ายเปิดฉากยิง และกองทัพไทยได้ใช้สิทธิตามกฎหมายสากลในการโต้ตอบ จนถึงวันนี้ (29 ก.ค.) ทหารไทยได้พลีชีพแล้ว ล่าสุดรวม 15 นาย
โดยเฉพาะพื้นที่ปะทะหนัก บริเวณปราสาทตาควาย ที่ถูกทางทหารกัมพูชาเข้าโจมตีหลายระลอก พยายามเข้ายึดให้ได้ ขณะที่ทหารไทยก็สู้ตายแบบถวายชีวิต จนปักธงไตรรงค์ได้ เนื่องจากโดยสภาพทางภูมิศาสตร์ ปราสาทตาควายตั้งอยู่บนเส้นพรมแดน มีเนิน 350 ที่ฝ่ายกัมพูชาตั้งอยู่เป็นที่สูง
ส่วนฝ่ายไทยวางกำลังอยู่ เป็นพื้นที่ที่ฝ่ายตั้งรับจะอยู่ที่ต่ำ ฝ่ายเข้าตีจะอยู่ที่สูง ไม่สามารถทำลายได้ง่าย นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ซอกหินแข็งแรง นอกจากนี้ด้วยข้อจำกัดในการปฏิบัติการและกฎหมายระหว่างประเทศทำให้ยากต่อในการเข้า และไม่สามารถใช้ทุกวิธีเพื่อยึดพื้นที่ปราสาทตาควาย แต่ในที่สุดก็ได้กลับคืนมาเป็นของไทย
สำหรับทั้งหมดเป็นทหารอยู่หน้าแนว ทุกนายต่างปฎิบัติภารกิจอย่างเต็มความสามารถ และสมควรจะต้องถูก “จารึกชื่อ” ไว้บนผืนแผ่นดินไทย (ทั้งนี้ เมื่อปี 2551-2554 ไทยและกัมพูชา เคยเปิดศึกปะทะที่ชายแดนเขาพระวิหาร เป็นเวลานาน 3 ปีกว่า โดยเดือนเม.ย.-พ.ค.2554 ได้มีการปะทะกันหนักในพื้นที่ชายแดน 4 จังหวัด คือ สุรินทร์ อุบลราชธานี บุรีรัมย์ ศรีษะเกษ เหตุการณ์ครั้งนั้นทหารไทยพลีชีพจำนวน 25 นาย )
ปี 2568 นับแต่มีเหตุการณ์กระทบกระทั่งเป็นระยะ ๆ ตั้งแต่ต้นเดือนกพ. โดยมีการยั่วยุจากทางฝั่งกัมพูชา นำมวลชนเข้ามาป่วนในพื้นที่เขตปราสาทตาควาย ปราสาทตาเมือนธม และมีความพยายามจะเปลี่ยนแนวเขตแดนช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เพื่อหวังจะเปลี่ยนแนวเส้นเขตแดน 4 ปราสาทของไทย เพื่อนำไปขึ้นศาลโลก และยังต้องการเปลี่ยนแนวเขตในทะเลเกาะกูด จ.ตราด
“นักรบหน้าแนว” พื้นราบที่ถูกส่งขึ้นไปอยู่ตามจุดต่าง ๆ ไม่ได้มีแค่ ทหารราบในสังกัดหน่วยต่าง ๆ แต่ยังมี นักรบหมวกแดง นักรบชุดดำ “ทหารพราน” และหน่วยคุมหลัง ตำรวจตระเวนชายแดน(ตชด.) ตำรวจชุดเขียว หมวกเบเร่ต์ดำ อีก 200 นายที่เป็นร่วมรบเป็นเพื่อนตายสหายศึก
พร้อมปฏิบัติการร่วมจากนักรบสายฟ้า กองทัพอากาศ ,นาวิกโยธิน กองทัพเรือ จนทำให้สามารถยึดได้ 11 พื้นที่ คือ ภูมะเขือ, ช่องอานม้า ,ปราสาทตาเมือนธม, ปราสาทตาควาย, ช่องบก,โดนตวล สัตตะโสม, ช่องจอม, ช่องสายตะกู, พระวิหารและพลาญยาว
นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ปะทะกองทัพบก ได้สูญเสียกำลังพลไปแล้ว 15 นาย ประกอบด้วย
1.พลทหาร วรัญชิต ยวงสุวรรณ (เสียชีวิตวันที่ 24 ก.ค.)
2.จ.ส.อ. ธวัชชัย บุสภา (เสียชีวิตวันที่ 25 ก.ค.)
3.ส.อ. จิรายุ สิงห์อ้น (เสียชีวิตวันที่ 25 ก.ค.)
4.ส.อ. นพดล บุญเลิศ (เสียชีวิตวันที่ 25 ก.ค.)
5.ส.อ. กฤษฎา น้อยโคตร(เสียชีวิตวันที่ 25 ก.ค.)
6.ส.ท. ศราวุฒิ นามสวัสดิ์ (เสียชีวิตวันที่ 25 ก.ค.)
7.ส.อ. จิรายุส อินทุมาน (เสียชีวิตวันที่ 25 ก.ค.)
8.พลทหาร ณาณพัฒน์ โคตรสาขา (เสียชีวิตวันที่ 26 ก.ค.)
9.ส.อ. อัมรินทร์ ผาสุข (เสียชีวิตวันที่ 28 ก.ค.)
10.พลทหาร สิรวิชญ์ ภิญโญสุข (เสียชีวิตวันที่ 28 ก.ค.)
11.จ่าสิบเอก อโณทัย ป้องแก้ว (เสียชีวิตวันที่ 28 ก.ค.)
และวันนี้ (29 ก.ค.2568) เวลา 11.45 น. กองทัพบกรับรายงานกำลังพลเสียชีวิตจากการสู้รบในวันที่ 28 ก.ค.2568 จำนวน 4 นาย ในสมรภูมิ ตาควาย-ตาเมือน คือ
12. จ.ส.อ.ธีระยุทธ สีจุ้ยจ้าย สังกัด กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารทหารราบที่ 3
13. จ.ส.อ.อภิรมย์ ทรงพุฒิ สังกัด กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารทหารราบที่ 8
14.พลทหาร ธีรยุทธ กระจ่างทอง สังกัด กองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 2 กรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 13
15.ส.ท.ต่อพงษ์ พันดวง สังกัดกองพันกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารทหารราบที่ 16 เสียชีวิตเมื่อวันที่ 28 ก.ค. จากการปะทะที่ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี
ไทยพีบีเอส ออนไลน์ ขอสดุดีในวีรกรรมและคารวะหัวใจ “วีรชน” นักรบผู้กล้าที่สละชีพปกป้องอธิปไตยของประเทศ และขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของทหารทุกนายมา ณ ที่นี่ด้วย
อ่านข่าว
ภาษากาย “ฮุน มาเนต” ถอดรหัส “ฮุน เซน” ขอบคุณ “ทรัมป์”
ยุติปะทะ "ไทย กัมพูชา" นานาชาติจี้ "เจรจา-เห็นต่าง" อย่างเหมาะสม
ตัดเส้นเลือดธุรกิจ (เทา) กาสิโน แผลลึก "ก๊กอาน-ทักษิณ-ฮุน เซน"