สงครามสื่อโซเชียลกัมพูชา แนวรบรุก รวดเร็ว ทำทุกทางเพื่อชิงพื้นที่ทุกหมากกระดาน หลัง Pheara Sarat อินฟลูเขมร ปล่อยภาพถ่ายตัวเองและทหารเขมร พร้อมข้อความ "วัดตาควาย" 30 กรกฎาคม 2568 "เขมร ยึดปราสาทตาควาย" ได้แล้ว...เจอไม้นี้ของกัมพูชาเข้าไป หาก "ใจ" คนไทยที่เป็นแนวหลัง ไม่นิ่งพอ "แนวหน้า" อย่างกองทัพ โดยเฉพาะทหารที่อยู่ "หน้าแนว" คงเสียกำลังใจมิใช่น้อย
ข้อมูลล่าสุดกองทัพไทย ระบุว่า ปัจจุบันทหารสามารถยึดคืนและควบคุมพื้นที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาได้ 11 แห่ง ประกอบด้วย ภูมะเขือ, ช่องอานม้า, ปราสาทตาเมือนธม, ปราสาทตาควาย, ช่องบก, โดนตวล, สัตตะโสม, ช่องจอม, ช่องสายตะกู, พระวิหาร, และพลาญยาว
แต่ต้องไม่ลืมว่า "พื้นที่หิน" ที่ยากต่อการเข้าตีและฝ่ายกัมพูชาอยากได้ คือ เนิน 350 ปราสาทตาควาย เนื่องจากพื้นที่แห่งนี้ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่มีผลกระทบต่อทางปฏิบัติทางการทหาร ขณะที่กองทัพไทยก็ต้องการยึดที่หมายนี้ไว้ให้ได้ ในการปะทะตั้งแต่วันที่ 23-27 ก.ค.2568 ที่ผ่านมา ทหารสองฝ่ายต่างผลัดกันรุกและรับอย่างเต็มที่

โดยฝั่งกัมพูชาได้ยึดพื้นที่รอบตัวปราสาทเป็นบังเกอร์ ขณะที่ทหารไทยได้วางกำลังคุมรอบพื้นที่ไว้หมดแล้ว เพียงแต่ไม่ได้เข้าไปที่ตัวปราสาท เพราะฝั่งกัมพูชาวางทุ่นระเบิดไว้โดยรอบ ดังจะเห็นจากภาพที่ อินฟลูเขมรโพสต์ให้ภาพทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอยู่ตรงด้านข้าง จึงชี้ให้เห็นเล่ห์เหลี่ยมของทหารกัมพูชาได้อย่างชัดเจน
นับจากหลังแนวรบพระวิหาร มีข้อตกลงหยุดยิง เหล่านักรบสแกมเมอร์ "ทุนจีนเทา" ได้เปิดปฏิบัติการสงครามไซเบอร์ทันที ทั้งการปล่อยข่าวปลอม ปั่นกระแส IO (Information Operation) บนโซเชียลมีเดีย การเข้าโจมตีและเข้าระบบเพื่อแฮกข้อมูลจากองค์กรภาครัฐ หน่วยงานความมั่นคงและเอกชน โดยเฉพาะการปั่นกระแสเรื่องความสูญเสีย และดินแดนการสู้รบ

พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ยอมรับว่า ตอนนี้ปราสาทตาควายทหารไทยยังไม่สามารถควบคุมได้ 100 เปอร์เซนต์ แต่ที่ทหารไทยทำได้คือการควบคุมพื้นที่โดยรอบปราสาทตาควาย ’ได้มากกว่า‘ ตอนที่เรายังไม่ได้ปะทะ แต่เราควบคุมคนละด้านของตัวปราสาท
เนื่องจากเวลา 00.00 น. ตามข้อตกลงหยุดยิงก่อน ทหารเขมรได้วางทุ่นระเบิด PMN 2 จำนวนมาก ไว้บริเวณรอบปราสาท และเหตุการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้ ร.ต.เกียรติวงศ์ สถาพร หรือ "หมวดบุ๊ค" ซึ่งนำชุดปฏิบัติการรบพิเศษเข้าเคลียร์พื้นที่ปราสาทตาควาย คืนวันที่ 28 ก.ค.ก่อนหยุดยิงตามข้อตกลงเจรจาถูกกับระเบิดจนขาขาด และผู้บัญชาการทหารแนวหน้า จำเป็นต้องเลือกรักษาชีวิตกำลังพลไว้ก่อน

ร.ต.เกียรติวงศ์ สถาพร หรือ
ร.ต.เกียรติวงศ์ สถาพร หรือ "หมวดบุ๊ค"
พล.ต.วินธัย ยอมรับว่า สำหรับพื้นที่การปฏิบัติการทางทหารทั้งหมดมีเพียงจุดปราสาทตาควายที่เดียวที่มีข้อจำกัด และถือเป็นความพยายามสุดท้ายของทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาก่อนถึงเวลาหยุดยิง แม้ไม่สามารถควบคุมพื้นที่ได้ 100% แต่ได้พื้นที่ควบคุมเพิ่มมากขึ้นก่อนที่จะมีการปะทะซึ่งจะเห็นว่า ปัจจุบันไทยควบคุมพื้นที่ได้ด้วยการใช้อาวุธยิง
"การวางกำลังบริเวณปราสาทตาควายจะอยู่ในพื้นที่ส่วนกลาง ส่วนพื้นที่ที่เป็นจุดสำคัญทางการทหารไม่ใช่ตัวปราสาทตาควาย เพราะจุดตัวปราสาทเป็นพื้นที่ต่ำ และหากวางกำลังประจำอยู่ที่ปราสาทตาควายจะไม่ปลอดภัย และตกเป็นเป้าการใช้อาวุธจากฝ่ายตรงข้าม ไทยจึงให้ความสำคัญเรื่องการคุมพื้นที่ในห้วงสุดท้าย"
ส่วนพื้นที่จุดสูงข่ม คือ เนิน 350 นอกจากนี้ลักษณะภูมิประเทศของปราสาทตาควายแตกต่างกับจุดอื่น หากเคลื่อนกำลังโดยไม่ระมัดระวัง ทหารจะโดนอาวุธยิงสนับสนุน BM-21 ของกัมพูชา โดยในห้วงเวลาสุดท้ายไทยได้พยายามที่จะยึดเนิน 350 และปราสาทตาควายพร้อมกัน จึงพยายามเข้าสู่ 2 ที่หมาย แต่ไม่คาดคิดว่าจะเจอกับสนามทุ่นระเบิด ที่กัมพูชาวางไว้ ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก

"เมื่อถึงเวลาหยุดยิงเราสามารถควบคุมพื้นที่มากกว่าเดิม แต่เราไม่มีกำลังประจำที่ปราสาทตาควาย ...แต่ปฏิบัติการทางทหารไม่ได้พุ่งเป้าไปที่สิ่งปลูกสร้างเพียงอย่างเดียว ยังหมายถึงองค์ประกอบโดยรวม ยืนยันว่า ไทยได้พื้นที่เพิ่มเติม และพื้นที่ที่ได้ก็ถือว่าควบคุมตัวปราสาทได้"
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้มีการเก็บรวบรวมหลักฐาน กรณีทหารกัมพูชาวางทุ่นระเบิดบริเวณ โดยรอบปราสาทตาควายแล้ว ถือเป็นการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา หลักฐานเชิงประจักษ์ คือ ไทยมีผู้บาดเจ็บ และภาพชาวกัมพูชาที่อยู่บนปราสาท มีวัตถุระเบิด PMN-2 ที่หรือทุ่นระเบิดสังหารบุคคล "ต้องห้ามใช้" ตามอนุสัญญาออตตาวา แต่กัมพูชานำมาใช้ตลอดแนวรบ
สงครามไทย-กัมพูชา ยังไม่จบง่าย เขมรยังคงเปิดแนวรบทั้งภาคพื้นดิน ภาคพื้นอากาศ และใช้การสื่อสารไร้พรมแดน เปิดแนวรบสู่การรับรู้ของโลก ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลที่บิดเบือนไปจากข้อเท็จจริงหรือไม่ก็ตาม และจำเป็นอย่างยิ่งไทย ต้องรุกโต้อย่างทันควันและทันที
อ่านข่าว
"มนุษยธรรม" จุดยืนไทย "ม้าอารี" กลางสมรภูมิรบไทย-กัมพูชา
“โดรน” กลยุทธ์เทคโนโลยี ส่งตรงเป้าหมาย “พื้นที่เสี่ยง” ต้องระวัง