ความคืบหน้าภายหลัง การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ไทย -กัมพูชา สมัยวิสามัญเสร็จสิ้นวานนี้ (7 ส.ค.2568) และทั้ง 2 ฝ่าย เห็นชอบที่ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อ อย่างไรก็ตามข้อเสนอ 2 ข้อจากฝ่ายไทยคือ การเก็บกู้วัตถุระเบิดและปราบปรามสแกมเมอร์ ฝ่ายกัมพูชาขอนำไปหารือในการประชุม GBC ครั้งหน้า
ล่าสุดวันนี้ (8 ส.ค.2568) พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะรักษาการแทน รมว.กลาโหม เป็นหัวหน้าคณะดังกล่าว กล่าวถึงข้อตกลงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย–กัมพูชา หรือ GBC ว่า จากข้อตกลง 13 ข้อ จะแบ่งออกเป็นกลุ่ม 3 กลุ่มที่ 1 คือข้อตกลงจำนวน 9 ข้อ และกลุ่มที่ 2 คือ เมื่อหยุดยิงแล้วจะอย่างไรต่อ อีก 3 ข้อ และสุดท้ายคือติดตามผลประชุม GBC ที่จะเกิดขึ้นอีก 1 เดือนข้างหน้า
ส่วนที่ประชาชนหลายคนก็สงสัยว่า ไทยจะสามารถเชื่อใจกัมพูชาได้หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ประเด็นแรกใช้แนวทางเดิม คือ ความเป็นผู้มีวุฒิภาวะ ประเทศไทยต้องแสดงถึงความมีวุฒิภาวะ ดำเนินการทุกอย่างตามกฎหมายระหว่างประเทศ และตามความเห็นร่วมกันของนานาชาติ ไทยจะใช้เรื่องนี้เป็นกรอบประเมินและควบคุมทางฝ่ายกัมพูชาว่า กัมพูชาจะทำอะไรขัดต่อกฎหมายหรือขัดอนุสัญญา หรือขัดต่อความเห็นของนานาชาติได้อย่างไร
ประเด็นที่ 2 คือ จะประเมินความจริงใจ จากกัมพูชาเป็น 3 ขั้น ขั้นแรกคือ การประชุมฝ่ายเลขา ซึ่งก็ให้ความร่วมมือ แต่ก็มีบางข้อเสนอที่ไม่ยอมรับ คือ เรื่องของทุ่นระเบิดและการปราบสแกมเมอร์ แต่ก็ถือว่าผ่านในขั้นตอนของฝ่ายเลขาฯ เมื่อวานนี้ (7 ส.ค.2568) การประชุมระดับผู้บริหาร เป็นการประเมินขั้นที่ 2 ทางฝ่ายกัมพูชาก็ตอบรับ แต่ก็มีบางประเด็นที่นำมาพูดข้างหลังบ้าง
แต่ในภาพรวมก็ได้ลงนามข้อตกลงกันแล้ว จึงยึดถือเอกสารที่ลงนามร่วมกันต่อไป คือ ขั้นที่ 3 ที่จะประเมินการปฏิบัติ ซึ่งมีกลไกที่กำกับอยู่ 2 กลไก 1.กลไกคณะกรรมการชายแดนระดับภูมิภาค (RBC) ซึ่งแม่ทัพภาคเป็นประธาน ซึ่งจะพิจารณาในรายละเอียดเรื่องพื้นที่
2.กลไก GBC ที่จะมีการประชุมหลังจากนี้ อีก 1 เดือน และกลไกอีกประการหนึ่งที่มีการพูดคุยกัน คือ คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว มีผู้ช่วยทูตทหารในอาเซียนเข้ามาสังเกตการณ์ แต่ยังไม่มีกองกำลังเข้ามา ขอให้พี่น้องประชาชนสบายใจได้

พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม (รมช.กลาโหม) ในฐานะรักษาการแทน รมว.กลาโหม
พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม (รมช.กลาโหม) ในฐานะรักษาการแทน รมว.กลาโหม
ส่วนข้อเสนอที่กัมพูชาไม่รับ ก็จะนำไปตกลงในการประชุม GBC ครั้งต่อไป โดยจะหยิบยกเรื่องที่กัมพูชาไม่เห็นด้วยขึ้นมาใหม่ จนกว่าจะยอมรับ ส่วนเรื่องการเก็บทุ่นระเบิดกับการปราบปรามสแกมเมอร์ กัมพูชาไม่ได้ให้เหตุผลว่า เหตุใดไม่ยอมรับ แต่ไทยก็พอทราบ
เรื่องระเบิดเป็นเครื่องป้องกันกัมพูชา ก็พูดว่า เขาเองก็ไม่ไว้ใจฝ่ายเรา ฝ่ายไทยก็ไม่ไว้ใจกัมพูชา ดังนั้นการตกลงให้ได้ข้อยุติจึงค่อนข้างยาก สื่อมวลชนลองจินตนาการว่า ความยากมันขนาดไหน ไม่ใช่การพูดคุยทั่วไป ดังนั้นจึงต้องชื่นชมและให้กำลังใจฝ่ายเลขา ที่สามารถทำให้บรรลุข้อเสนอของเราได้
พล.อ.ณัฐพลกล่าวต่อว่า ภาพรวมของการคลี่คลายสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ตนได้หารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี โดยที่ผ่านมาได้ขอให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกฯ ขอให้พิจารณาสั่งการว่างานอื่น ๆ ขอให้ส่วนราชการอื่น ๆ ดำเนินการคู่ขนานไปด้วย
ศบ.ทก.จะไม่ทำอะไรที่ผูกพันในระยะยาว แต่จะพยายามให้จบภารกิจโดยเร็ว ถ้าสถานการณ์คลี่คลายก็จะขอจบภารกิจ ศบ.ทก. แต่ปัจจุบันรัฐบาลยังอยากให้ ศบ.ทก.ช่วยดูไปก่อน แต่หากสถานการณ์จบ ภารกิจก็จบด้วย เพราะเป็นภาระที่หนักมาก ที่ผ่านมามีอะไรก็จะต้องเสนอเข้าสู่ สมช. ทุกเรื่อง เพื่อให้กระบวนการเป็นไปด้วยความรอบคอบและถูกกฎหมาย
พล.อ.ณัฐพล ยังกล่าวว่า วันนี้ได้แต่งตั้งที่ปรึกษา คณะกรรมการกฤษฎีกา และเลขาธิการ ครม. และเลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อให้ช่วยพิจารณาว่า สิ่งที่ทำอยู่ทุกวัน ถูกต้องหรือไม่ และยังมีการแต่งตั้งที่ปรึกษาส่วนตัวอีก โดยเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการทหาร ด้านสังคมด้านประวัติศาสตร์ ด้านกฎหมายและด้านแผนที่ รวม 8 คน ซึ่งจะมีการแต่งตั้งในวันนี้ เพราะเริ่มมองเห็นแล้วว่า งานข้างหน้าลำพัง GBC ศบ.ทก.เริ่มเกินกำลังแล้ว
เรื่องสุดท้าย คือ พี่น้องประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัด ซึ่งมีความเดือดร้อนมาก อยากจะกลับบ้านเพราะห่วงบ้าน แต่การห่วงบ้านตนได้กราบเรียนนายภูมิธรรมว่า ขอให้สั่งตำรวจและชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ในการช่วยดูแลทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน
รวมถึงประชาชนที่กังวลผลผลิตด้านการเกษตรที่บางอย่างต้องเก็บเกี่ยวหากล่าช้าก็อาจจะเสียหาย ซึ่งเมื่อเช้าที่ผ่านมาได้ประสานกับทางแม่ทัพภาคที่ 2 ขอให้เชิญผู้ว่าฯมาหารือว่า หากจังหวัดใดสถานการณ์เหมาะสมเพียงพอที่จะให้ประชาชนกลับภูมิลำเนาได้ ขอให้เร่งดำเนินการ แต่ถ้าสถานการณ์ยังน่าเป็นห่วง ก็ขอให้ขอความร่วมมืออยู่ในศูนย์อพยพก่อน

นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกฯ
นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกฯ
สุดท้าย คือ ต้องขอขอบคุณประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัด เนื่องจากที่ผ่านมาก็รับรู้และเห็นถึงความเดือดร้อนของท่าน แต่ก็ขอบคุณในความอดทนอดกลั้นจะพยายามที่คลี่คลายสถานการณ์ให้เป็นไปตามลำดับ
ส่วนประชาชนใน จ.จันทบุรี จ.สระแก้ว และ จ.ตราด ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการที่ประสบความเดือดร้อน ก็ขอความกรุณาอดทนอีกนิดนึง โดยการให้ประชาชนกลับบ้านให้ในพื้นที่สามารถพิจารณาได้ โดยไม่ต้องกลับมาขอความอนุมัติจาก ศบ.ทก แล้ว เพราะให้ผู้ว่าประสานทหารในพื้นที่ ซึ่งหน่วยงานในพื้นที่รับทราบถึงความเหมาะสมและความปลอดภัยอยู่แล้ว
สิ่งที่ทหารเป็นห่วง คือ ก่อนหน้านี้ที่กัมพูชาระดมยิงอาวุธมาทางฝั่งเรา ลูกจรวดบางส่วนยังตกค้างอยู่ในพื้นที่ เรากังวลว่าพี่น้องประชาชนหากกลับเข้าไปแล้วอาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หากเข้าไปเก็บหรือเข้าไปหยิบ อาจได้รับผลกระทบบาดเจ็บถึงเสียชีวิต ดังนั้นจึงทำให้ฝ่ายทหารขอประเมินอีกนิดนึง แต่ก็เร่งรัดในการตรวจพื้นที่ว่า มีวัตถุอะไรที่ยังตกค้างอยู่ในพื้นที่ ซึ่งต้องขอความเห็นใจจากพี่น้องประชาชน ไม่ใช่เราไม่มั่นใจในสถานการณ์แต่เราไม่มั่นใจในความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน
สถานการณ์ตอนนี้มีความเป็นไปได้ที่จะให้กัมพูชาเจรจาเรื่องเขตแดนหรือประชุม JBC หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า 14 มิ.ย.มีการประชุมที่ผ่านมาแล้ว ก็จะมีการนัดต่อไป แล้วก็จะนัดประชุมครั้งต่อไปเดือน ก.ย.ก็ถือว่า เป็นกลไกที่คู่ขนานกันอยู่ แต่ตนเองไม่สามารถตอบได้เนื่องจากเป็นเรื่องของกระทรวงการต่างประเทศ
อ่านข่าว : ผลประชุม GBC "ไทย-กัมพูชา" เห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อ