วันนี้ (16 ส.ค.2568) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) เปิดเผยถึงสถานการณ์แก๊งคอลเซนเตอร์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในเมืองปอยเปต ว่าในช่วง 1-2 วันแรกของเหตุปะทะชายแดนเมื่อวันที่ 24 ก.ค.2568 คนไทยที่ทำงานในเครือข่ายคอลเซนเตอร์ในปอยเปตราว 1,000 คน เดินทางกลับประเทศไทย หวั่นถูกทำร้ายจากความขัดแย้ง วันต่อมามีคนไทยแจ้งขอกลับอีก 2,000 คน แต่หลังการเจรจาหยุดยิง เกือบ 1,000 คนเปลี่ยนใจไม่กลับ ยังคงทำงานในกัมพูชาต่อ
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ระบุว่า ช่วงปะทะ การแจ้งความออนไลน์ผ่านระบบไทยโพลิสออนไลน์ลดลงจาก 1,100 เรื่อง เหลือ 800-900 เรื่อง/วัน แต่หลังหยุดยิงกลับเพิ่มเป็น 1,000 เรื่อง/วัน สะท้อนว่าแก๊งคอลเซนเตอร์ยังคงดำเนินการต่อ แม้บางส่วนย้ายฐานจากปอยเปตไปยังจังหวัดอื่นในกัมพูชา เช่น พนมเปญและสีหนุวิลล์
สอท.จึงเตรียมยกระดับปฏิบัติการ โดยประสานนานาชาติที่ได้รับผลกระทบจากคอลเซนเตอร์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ การบังคับใช้แรงงาน และการฉ้อโกงประชาชนทั่วโลก เพื่อตัดงบประมาณและความช่วยเหลือทางการเงินของเครือข่ายนี้
อย่างไรก็ตาม การขอความร่วมมือกับกัมพูชาในอดีตล้มเหลวหลายครั้ง แสดงถึงการขาดความจริงใจจากกัมพูชาในการปราบปราม สอท. ไม่มีอำนาจเข้าไปดำเนินการในกัมพูชา จึงต้องพึ่งกลไกความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและจเรตำรวจแห่งชาติได้ตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจ ร่วมกับหน่วยงานกฎหมายนานาชาติ เพื่อกดดันกัมพูชาให้หยุดสนับสนุนเครือข่ายคอลเซนเตอร์
อ่านข่าว :
เปิดเบื้องหลัง ทำไม "อะแลสกา" เป็นจุดนัดพบเจรจา "ทรัมป์-ปูติน"
น้ำใจชายแดนใต้ มทภ.4 จับมืออิสลาม ส่งต่อกำลังใจชายแดนกัมพูชา