วันนี้ (17 ส.ค.2568) น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย รองโฆษกพรรค กล่าวถึงเรื่องงบประมาณรายจ่ายปี 2569 ที่สภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบ โดยกล่าวคำขอบคุณพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคที่ร่วมกันผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2569 จนผ่านในวาระที่ 2-3 เน้นย้ำ ว่าทุกพรรคการเมืองต่างรับรู้รับทราบว่าร่างกฎหมายเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลที่ได้ให้ไว้กับประชาชน โดยข้อเสนอแนะข้อสังเกตของ สส. เป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์ พร้อมยืนยันว่างบประมาณ ปี 2569 ไม่ใช่ตัวเลขที่อยู่ในเอกสาร หรือตัวเลขลอยอยู่ในอากาศ แต่จะเป็นงบประมาณในการวางรากฐานของประเทศ ฟื้นฟูเศรษฐกิจและแก้ไขปัญหาปากท้อง
"พรรคเพื่อไทยยืนยันจะมุ่งมั่นใช้งบประมาณทุกบาททุกสตางค์อย่างมีประสิทธิภาพโปร่งใสและตอบโจทย์ชีวิตของประชาชน โดยหลังจากที่ร่างกฎหมายให้ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ขั้นตอนต่อไปพิจารณาชั้นวุฒิสภา เชื่อมั่นว่าวุฒิสภาจะเร่งในการพิจารณาเพื่อเปิดทางให้รัฐบาลนำไปใช้จ่ายเพื่อขับเคลื่อนนโยบายอย่างเร็วที่สุด"
โดยของโครงการที่จะใช้งบประมาณในปี 2569 คือ โครงการรถไฟรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายเพื่อทำให้การเดินทางสะดวกรวดเร็ว และเป็นการลดรายจ่ายของประชาชน /และจะนำไปใช้ในโครงการฟื้นฟูการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจชุมชน ตั้งเป้าการท่องเที่ยว 2.8 ล้านล้าน จะดึงนักท่องเที่ยว 36 ล้านคนสร้างรายได้ให้กับท้องถิ่นกับ ผู้ประกอบการ SME และภาคบริการ
จะนำงบประมาณไปพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณสุข เพื่อรองรับสังคมสูงวัยและสิทธิประโยชน์ใหม่ และนำไปสร้างระบบดูแลสุขภาพของคนไทย จะนำไปจัดการภัยพิบัติและเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อให้ท้องถิ่นมีความพร้อม ในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง ขณะเดียวกันรัฐบาลได้ช่วยเหลือเกษตรกรอย่างเป็นรูปธรรมเช่นโครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตข้าวปี 2568-2569 จ่ายเงินช่วยเหลือไร่ละ 1,000 สูงสุด 10 ไร่ครอบคลุมทั้งนาปีและนาปรัง เริ่มในเดือนกันยายน เงินจะโอนเข้าบัญชีเกษตรกรที่ขึ้นบัญชีไว้กับกรมส่งเสริมการเกษตร
และรัฐบาลได้ร่วมกับสมาคมลำไยอบแห้งตั้งจุดรับซื้อลำไยเกรด AA ที่กิโลกรัมละ 13 บาทจนถึงวันที่ 20 ส.ค. และเสนอให้ทางคณะรัฐมนตรีออกมาตรการช่วยเหลือส่งเสริม จะจ่ายรายละ 1,400 บาททดแทนรายได้ และทั้งสองมาตรการนี้มีเป้าหมายให้รายได้ถึงมือเกษตรกรอย่างเร็วที่สุด พรรคเพื่อไทยได้กำชับ สส. ให้ติดตามสถานการณ์จุดรับซื้อและปริมาณการรับซื้อเพื่อนำปัญหาไปสะท้อนกับรัฐบาล เพื่อนำไปแก้ไข เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
โต้ คลิปเสียง 10 กิโลกรัม ท้าพรรคประชาชนเปิดชื่อบุคคลปริศนา
น.ส.ขัตติยา กล่าวถึง กรณีคลิปเสียง 10 โล ที่พรรคประชาชนอ้างว่ามีบุคคลปริศนาติดต่อแลกคะแนนเสียงโหวตร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ และ ร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ รวมถึงเปิดเผยคลิปเสียงยาว 13 นาที สื่อความหมาย ว่า “เป็นการมอบเงิน 10 กิโลกรัมและโยงว่าเป็นผู้ใหญ่เหนือรัฐบาลโดยไม่มีการปฏิเสธว่าเกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย
น.ส.ขัตติยา ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริงและเป็นสิ่งที่สร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อพรรคเพื่อไทย และรัฐบาลพรรคเพื่อไทยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อการติดต่อ ยินดีให้ตรวจสอบทุกมิติ และขอเรียกร้องให้ สส.พรรคประชาชน ออกมาเปิดเผยชื่อ นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ และข้อมูลที่จะทำให้สามารถสืบค้นตัวตนของบุคคลดังกล่าวได้ตามที่ได้มีการกล่าวอ้างเพื่อให้การตรวจสอบนั้นเดินหน้า และไม่ปล่อยให้ความคลุมเครือนี้ทำลายความเชื่อมั่นต่อระบบการเมืองของประเทศ
น.ส.ขัตติยา กล่าวต่อว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งที่น่าสงสัยเหตุใดพรรคประชาชนจึงไม่ทำให้ความจริงปรากฏ และปล่อยให้เรื่องนี้อยู่ในความคลุมเครือ เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้เสียหายกับพรรคไทยโดยตรง และหากยังไม่มีความจริงปรากฏ ความเสียหายก็จะเกิดขึ้นกับพรรคประชาชน เพราะตอนนี้มีคนเริ่มตั้งคำถามว่า นี่เป็นการเมืองใหม่ของพรรคการเมืองรุ่นใหม่ หรือเป็นการเมืองแบบเก่าที่ตัวเองบอกว่าเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่
พร้อมย้ำว่าสถานการณ์ในปัจจุบันฝั่งรัฐบาลเวลานี้ทำงานอย่างเป็นเอกภาพ ไม่มีมีความจำเป็นที่จะต้องซื้อเสียงโหวตเพื่อผ่านร่างกฎหมาย
เดินหน้ายุทธศาสตร์คู่ขนาน มั่นคง–กฎหมาย–เยียวยา แก้ปัญหาชายแดน
น.ส.ขัตติยา กล่าวว่า หลังเหตุปะทะตามแนวชายแดนคลี่คลาย รัฐบาลได้ดำเนินการควบคู่ทั้งด้านความมั่นคง ด้านการทูต และการเยียวยาประชาชน โดยยึดหลักสูงสุดว่า ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน อธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดน ต้องมาก่อนสิ่งอื่นใด และทุกการดำเนินการจะยึดตามหลักสากลที่ทั่วโลกยอมรับ
ในการประชุม RBC ภาคตะวันออก ฝั่งจันทบุรี–ตราด เมื่อวันที่ 15–16 ส.ค. ที่ผ่านมา ทั้งสองประเทศได้ยืนยันกรอบปฏิบัติ 13 ข้อ ตามที่ตกลงกันในเวที GBC เมื่อ 7 ส.ค. ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์
ประเทศไทยย้ำชัดว่า เราจะแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี ในกรอบทวิภาคี ภายใต้กติกาสากล พร้อมผลักดันวาระเพิ่มเติม 2 เรื่องสำคัญ คือ 1.การเก็บกู้ทุ่นระเบิด เพื่อคืนความปลอดภัยให้ชุมชนชายแดน และ 2.การปราบปรามเครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติ ซึ่งที่ผ่านมา เรายังได้รับความร่วมมือจากกัมพูชาน้อยกว่าที่คาดหวัง
พรรคเพื่อไทยหวังว่ากัมพูชาจะพิสูจน์ความจริงใจในการหารือรอบถัดไป ด้วยการสนับสนุนการเก็บกู้ทุ่นระเบิดอย่างเป็นรูปธรรม และการเร่งปราบปรามสแกมเมอร์ให้เห็นผลชัดเจน
สำหรับกรณีที่ทหารไทยบาดเจ็บจากทุ่นระเบิดสังหารบุคคลภายหลังข้อตกลงหยุดยิง รัฐบาลได้ดำเนินการประท้วงทางการทูตอย่างเป็นทางการ และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำบันทึกหลักฐาน ส่งไปยังคณะกลไกภายใต้อนุสัญญาออตตาวาแล้วหลายฉบับ พร้อมทั้งนัดหมายพาคณะทูตประเทศภาคีลงพื้นที่
ด้านการเยียวยา รัฐบาลยังคงดำเนินมาตรการต่อเนื่อง ทั้งการดูแลสุขภาพกายและสุขภาพใจ โดยกระทรวงสาธารณสุขตั้งคลินิกเคลื่อนที่และทีม MCATT ฟื้นฟูจิตใจประชาชน และเปิดสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ให้คำปรึกษาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการช่วยเหลือค่าน้ำ–ค่าไฟสำหรับครัวเรือนและศูนย์พักพิงในพื้นที่ ที่ได้รับการงดเว้นช่วงเดือน ก.ค.–ส.ค.ที่ผ่านมา
ในส่วนความเสียหาย กระทรวงมหาดไทย โดยท่านภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ได้สั่งการให้กรมโยธาธิการและผังเมือง ตั้งศูนย์ตรวจสอบอาคารใน 7 จังหวัดชายแดน เพื่อออกแบบมาตรฐานซ่อมเร่งด่วน ซึ่งขณะนี้ตรวจพบความเสียหายกว่า 300 หลังใน 4 จังหวัดหลัก คือ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สุรินทร์ และ อุบลราชธานี
โดยมีการทยอยส่งมอบบ้านพักชั่วคราว (Prefab) ให้ครอบครัวที่บ้านเรือนเสียหายทั้งหลังแล้ว 11 หลัง และจะทยอยส่งมอบเพิ่มเติมตามผลการสำรวจและความพร้อมของพื้นที่
อ่านข่าว :
สภาฯ มติ 257 : 230 เห็นชอบงบประมาณ 2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท
นิด้าโพล เผย 41.91% ประชาชนหมดหวัง พรรคการเมือง”รัฐบาล-ฝ่ายค้าน”