กรณี สส.นนทบุรี เขต 8 พรรคประชาชน อภิปรายเกี่ยวกับงบประมาณสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ 5,518 ล้านบาท โดยระบุว่าการใช้จ่ายเงินดังกล่าวเป็นการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาและไม่ใช่ภารกิจของสำนักพุทธฯ โดยอ้างถึงงบบุคลากร 1,642 ล้านบาทถูกนำไปให้แก่พระ ซึ่งขัดต่อหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ห้ามพระภิกษุถือเงิน และอภิปรายพาดพิงว่าสามเณรและพระสงฆ์ที่ศึกษาพระปริยัติธรรม ไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นั้น
วันนี้ (18 ส.ค.2568) สมาคมครูโรงเรียนพระปริยัติธรรมสามัญภาคใต้ ออกแถลงการณ์ตอบโต้กรณีดังกล่าว ระบุว่า โรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา เปิดโอกาสทางการศึกษาให้กับเยาวชนทุกคน โดยเฉพาะเด็กที่ขาดโอกาส ยากจนและครอบครัวแตกแยก โดยเด็กที่เข้ามาบวชเรียนจะได้เรียนฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
นอกจากนี้โรงเรียนยังดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น ค่าภัตตาหาร ค่าหนังสือ ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าผ้าไตรจีวร ค่าของใช้ส่วนตัว บริการหอพักสามเณร มีประกันภัยอุบัติเหตุ ตลอดจนค่ายานพาหนะในการมาโรงเรียนสำหรับกรณีที่สามเณรไม่ได้จำวัดที่โรงเรียน
การบริหารงานงบประมาณทั้งหมดได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล จัดสรรมาในลักษณะเงินอุดหนุนรายหัวจากสำนักงานการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ไม่มีงบประมาณบริหารสถานศึกษา ค่าสาธารณูปโภค ค่าจำเป็นอื่นๆ จะได้รับการช่วยเหลือจากภาคีเครือข่าย และการบริจาคของผู้มีจิตศรัทธา
ขณะที่ก่อนหน้านี้ บุคลากรโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษาทั่วประเทศ จำนวน 408 แห่ง ไม่ได้รับสิทธิตามกฎหมายเป็นเวลา 6 ปี แม้จะมี พ.ร.บ.การศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ.2562 มาตรา 18 แต่เงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง เงินวิทยฐานะ เงินค่าตอบแทน ค่าจ้าง สวัสดิการและสิทธิประโยชน์อื่น ไม่ได้รับจากงบประมาณของรัฐ จึงต่อสู้เรียกร้องจนกระทั่งเพิ่งได้รับงบประมาณค่าตอบแทนบุคลากรจากรัฐครั้งแรก เมื่อปี 2568
นายสิทธิเณศ เห้งทับ นายกสมาคมครูโรงเรียนพระปริยัติธรรมสามัญภาคใต้ กล่าวเพิ่มเติมว่า สส.พรรคประชาชน อภิปรายโดยไม่มีการศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน ด้วยถ้อยคำและท่าทางที่แสดงออกระหว่างการถ่ายทอดสดในสภาฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อจิตใจของประชาชนที่ได้รับฟัง
นายกสมาคมครูโรงเรียนพระปริยัติธรรมฯ กล่าวอีกว่า การพูดของ สส.คนดังกล่าวเป็นการพูดให้หลงเชื่อข้อมูลที่กล่าวอ้างในสภาฯ ว่าระบบการศึกษาของพระภิกษุและสามเณรเป็นภาระ ไม่คุ้มค่า ไม่มีกฎหมายรองรับและสิ้นเปลืองงบประมาณ ทั้งที่ความจริงโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา ไม่ได้สอนด้านวิชาการสามัญเพียงอย่างเดียว แต่ยังเน้นด้านวิชาธรรม ทำหน้าที่เป็นที่พึ่งทางใจและทางการศึกษาให้กับเยาวชนทุกคน โดยเฉพาะผู้ด้อยโอกาสและเยาวชนที่มีความสนใจอยากบวชเรียน
อ่านข่าว
"สมเด็จพระสังฆราช" ทรงล้ม เสด็จประทับ รพ.ศิริราช ไม่มีพระอาการน่าวิตก
ไขความโปร่งใส “เงินวัด” สตง.แนะจัดระเบียบ แยกให้ชัด “บัญชีวัด-บัญชีพระ”