ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

เร่งดันทันปี 69 "พ.ร.บ.โลกร้อน" คุมอุตสาหกรรมปล่อยก๊าซเรือนกระจก

เร่งดันทันปี 69 "พ.ร.บ.โลกร้อน" คุมอุตสาหกรรมปล่อยก๊าซเรือนกระจก
กรมลดโลกร้อน เร่งดันร่าง พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ คุมเพดานปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากอุตสาหกรรม 4,000 แห่ง คาดมีผลบังคับใช้ปี 2569

ดร.พิรุณ  สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงความคืบหน้าร่าง พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ว่า ขณะนี้ยกร่างกฎหมาย ผ่านการรับฟังความคิดเห็นครบถ้วน โดยนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ส่งเรื่องไปที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) และอยู่ระหว่างเวียนรับฟังความเห็นจากหน่วยงานต่าง ๆ อีก 30 แห่ง จากนั้นจึงจะเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งได้มีการตั้งคณะอนุกรรมการชุดพิเศษสำหรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไว้รองรับแล้ว

พ.ร.บ.ฉบับนี้ เป็นเรือธง เป็น Fast Track ถูกกำหนดเวลาในการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้กระชับ 45-50 วัน ซึ่งกรมฯ พร้อมชี้แจงให้ละเอียดรอบคอบและรวดเร็ว

สำหรับร่างกฎหมายโลกร้อนฉบับแรกของไทย มีทั้งหมด 205 มาตรารวม 13 หมวด หากผ่าน ครม.จะส่งให้สำนักงานคณะกรรมกฤษฎีกา ตรวจสอบเนื้อหารายมาตรา คาดว่าช่วงปลายปี 2568 ถึงต้นปี 2569 จะบรรจุเป็นวาระ 1 ร่าง พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สู่การพิจารณาของรัฐสภา และมีผลทางกฎหมายในปี 2569

เนื้อหาสำคัญของร่างกฎหมาย คือ การใช้กลไกราคาคาร์บอน ซึ่งใช้ใน 70-80 ประเทศทั่วโลก ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ การจัดสรรสิทธิการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (ETS) เพื่อควบคุมการปล่อยก๊าซดังกล่าวในภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของไทย แบบภาคบังคับ แต่ไม่รวมกลุ่ม SME, ภาษีคาร์บอน เป็นเครื่องมือที่ใช้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของคนส่วนใหญ่ ใช้ในผลิตภัณฑ์น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน ทำให้สามารถเปลี่ยนผ่านจากฟอสซิล สู่พลังงานทางเลือกอื่น ๆ ได้มากขึ้น, คาร์บอนเครดิตภาคสมัครใจ เบื้องต้นจะเป็นการเชื่อมโยงความต้องการคาร์บอนภาคบังคับ หรือ ETS

"ใครจะมาทำคาร์บอนเครดิตในอนาคตจะไม่ถูกหลอก จะรู้ว่ามีความต้องการที่แท้จริงไหร่กี่ตัน โครงการประเภทไหนที่อยากได้ ทั้งป่าไม้ การจัดการของเสีย หรือเกษตร ทำให้มีความเกี่ยวข้องกับประชาชนได้มากขึ้น"

นอกจากนี้ มีกลไก "กองทุนภูมิอากาศ"ช่วยในการเปลี่ยนผ่านแต่ละภาคส่วน ทั้งเอกชน ประชาชน และส่วนที่ได้รับผลกระทบจาก พ.ร.บ.นี้ ซึ่งเป็นมิติที่ไทยจะต้องแข่งขันกับประเทศอื่น ๆ ไปสู่คาร์บอนต่ำ เบื้องต้นช่วง 2 ปีแรกของการก่อตั้งกองทุนฯ จะใช้เงินจากภาครัฐ 200 ล้านบาท จากนั้นเงินที่เข้ามาทดแทนจะมาจากเอกชนที่จะมีการจัดสรรและซื้อสิทธิคาร์บอน เงินบริจาคจาภาคี รวมทั้งการซื้อขายคาร์บอนระหว่างประเทศ ซึ่งอาจมีเม็ดเงินเพิ่มขึ้น 1,000-10,000 ล้านบาท

กองทุนนี้จะพึ่งพางบประมาณจากภาครัฐเฉพาะช่วงที่เริ่มก่อตั้งเท่านั้น หลังจากนั้น 2 ปีจะพึ่งพากลไกที่อยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ทั้งหมด ไม่เป็นภาระงบประมาณของสำนักงบประมาณ

ดร.พิรุณ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังเตรียมทบทวนแผนการปรับปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ จากเดิมตั้งเป้าในอีก 40 ปีข้างหน้า หรือปี 2593 เนื่องจากช่วงปี 2565 ไทยสามารถลดก๊าซเรือนกระจกได้ 65.23 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ซึ่งบรรลุเป้าหมายรายปีที่กำหนดไว้ จากตัวเลขที่ปล่อย 385 ล้านตัน จากมาตรการที่ออกมาในช่วงแรก

อ่านข่าว : จนท.พิทักษ์ป่า ค้นพบแหล่งโบราณคดีแห่งใหม่ "ถ้ำตากึง" ขณะลาดตระเวน 

ปลูกครบ 3 เดือน "ปะการังเกาะราชาใหญ่" จุดอ่าวสยามอัตรารอด 95.55%