เชื่อว่า มวลชนคนเสื้อแดงจำนวนไม่น้อย ที่รอฟังคำพิพากษา คดีที่นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ พร้อมแกนนำ นปช. รวม 10 คน ถูกฟ้องฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป สร้างความวุ่นวายในบ้านเมือง และฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ขณะนั้น ประกาศใช้ ในกรณีการการชุมนุมขับไล่รัฐบาล เมื่อปี 2552
เดิมที ศาลอาญา ถ.รัชดาฯ นัดฟังคำพิพากษา 20 ส.ค.2568 แต่สุดท้าย ศาลเลื่อนฟังคำพิพากษาออกไป เป็น 7 ต.ค.2568 เนื่องจากมีจำเลยบางคนไม่มาฟังคำพิพากษา
คดีนี้มีความสำคัญ เพราะเป็นคดีแรกๆ และเป็นคดีหลัก ที่ต่อมามีขยายผลและมีคดีทางการเมืองงอกตามมาจากการชุมนุมเคลื่อนไหวของ นปช.ตั้งแต่ครั้งนั้น หลังจากเกิดการชุมนุมในชื่อ แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ หรือ นปก. มีเป้าหมายต่อต้านและขับไล่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ และ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ จากนายกรัฐมนตรี เป็นแนวร่วมประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือ นปช.
เป็นการรวมตัวครั้งใหญ่ในปลายเดือนมีนาคม 2552 เพื่อขับไล่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ กระทั่งบานปลายเกิดเหตุการณ์ไม่สงบในเดือนเมษายน 2552 กล่าวหากองทัพไทยอยู่เบื้องหลังการยุบพรรคพลังประชาชน และมีส่วนในการจัดตั้งรัฐบาลโดยพรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคแกนนำ จนเกิดคำพูด “ตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร”
การชุมนุมครั้งนั้น มีการเคลื่อนไหว รวมพลปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล และปิดล้อมสถานที่ราชการอื่น ๆ เกิดเวทีไฮปาร์ค และมีเคลื่อนขบวนไปบ้านสี่เสาร์เทเวศร์ ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี
แกนนำสำคัญยุคเริ่มแรกของ นปช. คือนายวีระ หรือวีระกานต์ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ที่รู้จักกันในนาม 3 เกลอ นปช. ผู้จัดรายการความจริงวันนี้ นอกนั้นยังมี นพ.เหวง โตจิราการ นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ และอีกหลายคน ทั้งนักกิจกรรมทางการเมือง อัยการ และอดีตสส.พรรคไทยรักไทย และพลังประชาชน
การชุมนุมยืดเยื้อถึงปี 2553 และจบลงด้วยการสลายการชุมนุมที่บริเวณสี่แยกราชประสงค์ ช่วงวันที่ 18-19 พฤษภาคม ยังมีเหตุการณ์ต่อเนื่อง ปะทะรุนแรงกระจายในอีกหลายพื้นที่ในกรุงเทพฯ มีผู้บาดเจ็บและล้มตายจำนวนหนึ่ง
ก่อเกิดคดีความตามมาทั้ง 2 ฝ่าย เช่น คดีบุกบ้านสี่เสา คดีก่อการร้าย คดีใช้กำลังสลายกลุ่มผู้ชุมนุม คดีล้มประชุมอาเซียนซัมมิต คดีเผาเซ็นทรัลเวิลด์ ลุกลามถึงคดีเผาศาลากลางในหลายจังหวัดภาคอีสาน และอีกหลายคดี
บางคดียกฟ้อง บางคดีศาลตัดสินแล้ว ผู้ต้องหาบางคนยังหลบหนีคดีไปต่างประเทศ เช่น นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง และอีกบางคดีอยู่ระหว่างดำเนินการ ยังไม่นับเรื่องฟ้องหมิ่นประมาท และคดีอื่น ๆ
ความจริง 20 สิงหาคม ที่ศาลนัดตัดสิน ยังมีความน่าสนใจ เพราะแกนนำ นปช. ที่ต่อมาแตกกระจายไปหลายทิศทาง จะได้กลับมาพบกันอีกครั้ง โดยที่บางคนมีจุดยืนทางการเมืองเปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นนายวีระกานต์ ที่ตอนหลังโลว์โปรไฟล์ลง เนื่องจากเรื่องสุขภาพ แต่วันคล้ายวันครบรอบวันเกิดล่าสุด 76 ปี ยังมีแกนนำ นปช.ทั้งนพ.เหวง นางธิดา และนายก่อแก้ว พิกุลทอง แวะเวียนนำกระเช้าไปอวยพรวันเกิดให้
นายณัฐวุฒิ ยังร่วมหัวจมท้ายอยู่กับพรรคเพื่อไทย ล่าสุดในตำแหน่งที่ปรึกษาของ นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ขณะที่ นพ.เหวง และนางธิดา ถอยห่างจากพรรคเพื่อไทย ชัดเจน เพราะไม่พอใจเรื่องไม่เอาจริงกับการนำคนที่มีส่วนสังหารมวลชนเสื้อแดงมาลงโทษ ส่วนนายวิภูแถลง และนายพายัพ ยังอยู่กับพรรคเพื่อไทย
แต่สำหรับนายจตุพร ตอนนี้กลายเป็นแกนนำฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล และนายทักษิณ ชินวัตร มีบทบาทวิพากษ์วิจารณ์ทางการเมืองแบบรายวัน โดยยังมีเอฟซีสนับสนุนไม่ต่างจากในอดีต
นายจตุพรที่ปรากฏตัวไปรับฟังคำตัดสิน ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า เป็นหน้าที่ของตนที่ต้องเข้ามาฟังคำพิพากษาของศาล ในคดีที่เกิดขึ้นเมื่อ 16 ปีก่อนหน้านี้ โดยน้อมรับคำตัดสินของศาล ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร
คำถามเรื่องการกลับมาเจอกับแนวร่วมเดิม ที่เคยทำกิจกรรมการทางการเมืองร่วมกันมา แต่วันนี้อยู่กันคนละขั้ว นายจตุพรบอกว่า ไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะทุกอย่างถือเป็นประวัติศาสตร์ที่เปลี่ยนอะไรไม่ได้แล้ว
ส่วนประเด็นแนวทางทางการเมืองที่เปลี่ยนไปของแกนนำแต่ละคน จะสามารถพูดคุยกันได้หรือไม่นั้น วันนี้ตนถือว่าทุกคนเป็นจำเลยร่วมกัน ต้องมานั่งร่วมในซีกของจำเลย แต่ไม่มีอะไรที่ต้องพูดกับแกนนำคนใดเป็นพิเศษ
ไม่มีเรื่องที่ต้องทะเลาะเป็นการส่วนตัวใด ๆ กันอีกแล้ว
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส
อ่านข่าว : จับตา 21 ส.ค. "แพทองธาร" ไปศาล รธน.หรือไม่ แจงปมคลิปเสียง "ฮุน เซน"
"ภูมิธรรม" ยันฟ้อง "ฮุนเซน–ฮุนมาเนต" ตาม กม. ยังไม่ตรวจสอบธุรกิจในไทย
นักกฎหมาย ชี้ "เงินบริจาค - เงินวัด" แยกไม่ชัดเสี่ยงถูกดำเนินคดี