กระแสการจัดสอบท้องถิ่นกลับมาอยู่ในความสนใจอีกครั้ง เมื่อกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น แจ้งเลื่อนการสอบท้องถิ่นปี 2568 หลังจากมหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ ยื่นอุทธรณ์ผลการพิจารณาการประกวดราคา นำไปสู่การวิพากษ์วิจารณ์ปัญหาการจัดสอบที่ล่าช้า และยังวนเวียนอยู่กับปัญหาการร้องเรียนความโปร่งใสการจัดสอบตลอดช่วง 20 ปีที่ผ่านมา
ไทยพีบีเอสรวบรวมข้อมูล ลำดับเวลา และปัญหาการจัดสอบสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเป็นข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่น ในช่วงที่ผ่านมา
ไทม์ไลน์จัดสอบท้องถิ่น จากอดีตสู่ปัจจุบัน
ปี 2542-2560 ข้อมูลจากพรรคภูมิใจไทยอ้างว่า เมื่อหลายจังหวัดได้ดำเนินการจัดสอบท้องถิ่นกันเอง ปรากฏข่าวมีการทุจริตเกิดขึ้นมากมายทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในพื้นที่ภาคอีสาน ในช่วงเวลาดังกล่าวมีนายหน้า มีกลุ่มบุคคลไปบอกกับพี่น้องประชาชนจำนวนมาก ว่าหากอยากให้ลูกหลานมีงานทำอยากรับราชการใน อบต. ในเทศบาล ก็จ่ายเงิน 300,000 บาท
ป.ป.ช.สอบทุจริตสอบท้องถิ่นราชบุรี ปี 2548
ข้อมูลจาก ป.ป.ช. พบว่า คดีทุจริตสอบท้องถิ่นครั้งสำคัญ เริ่มขึ้นเมื่อ 15 สิงหาคม 2548 คณะกรรมการพนักงานส่วนตำบล จ.ราชบุรี ได้ประกาศรับสมัครสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการและแต่งตั้งเป็นพนักงานส่วนตำบล ประจำปี 2548 ก่อนที่ ป.ป.ช.จะเข้าตรวจสอบ
นำไปสู่การชี้มูล นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี (ในขณะนั้น) ในฐานะคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบล จ.ราชบุรี พร้อมพวก ร่วมกันพิจารณาอนุมัติผู้สอบแข่งขันได้ไปบรรจุแต่งตั้งโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
รวมทั้งผู้บริหารองค์กรปกครองท้องถิ่น ที่มีการขอใช้บัญชีผู้สอบแข่งขันได้ และเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ก็มีมูลความผิดทางอาญาและวินัยอย่างร้ายแรง รวมทั้งมีเหตุให้ถอดถอนออกจากตำแหน่งใน อบต. 51 แห่ง 29 จังหวัด
จากการสอบสวน ผู้ที่สมัครสอบให้ถ้อยคำว่า ได้จ่ายเงินจำนวน 3 แสนบาท ให้ผู้ที่มาติดต่ออำนวยความสะดวกในการใช้บัญชีผู้สอบแข่งขันที่ข้ามลำดับ
บางคนให้ถ้อยคำทั้งน้ำตาว่า แม้จะสอบผ่านมีรายชื่อขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ในลำดับต้นๆ แต่ไม่มี อบต.ใดเรียกบรรจุ เพราะไม่มีเงิน 3 แสนบาทจ่ายให้นายก อบต. เพื่อแลกกับหนังสือขอใช้บัญชีสอบแข่งขันบรรจุแต่งตั้ง

ต่อมาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 ตัดสินลงโทษคดีกล่าวหา นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ อดีตอธิบดีกรมการปกครอง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี กับพวก กรณีบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเป็นพนักงานส่วนตำบล ในเขตจังหวัดราชบุรี และขอใช้บัญชีเพื่อบรรจุแต่งตั้งนอกเขตจังหวัดราชบุรี
ศาลสั่งจำคุกอดีตผู้ว่าฯ-อธิบดีกรมการปกครอง
โดยลงโทษ นายวงศ์ศักดิ์ ในฐานะจำเลยที่ 1 และนายนเรศ วงศาโรจน์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งท้องถิ่นจังหวัดราชบุรี จำเลยที่ 2 ให้จำคุก คนละ 37 ปี 148 เดือน แต่เมื่อรวมโทษจำคุกทุกกระทงแล้ว คงจำคุก จำเลยที่ 1 และที่ 2 คนละ 20 ปี ปัจจุบันคดียังไม่สิ้นสุด และนายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ อดีตอธิบดีกรมการปกครองต่อสู้คดี โดยไม่ให้การรับสารภาพ
คดีนี้ นับเป็นคดีที่สองของนายวงศ์ศักดิ์ ต่อจากคดีทุจริตสอบนายอำเภอปี 2552 ที่ถูกศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2563 พิพากษาตัดสินลงโทษ จำคุก 3 ปี ไม่รอลงอาญา ก่อนที่จะได้รับการประกันเพื่อสู้คดีต่อในชั้นศาลอุทธรณ์
ส่วนอีกคดีที่ตอกย้ำปัญหาทุจริตจัดสอบท้องถิ่น คือ คดีทุจริตสอบแข่งขันบรรจุพนักงานส่วนตำบลในพื้นที่ จ.มหาสารคาม เมื่อปี 2557 พบการเรียกรับเงินจากผู้สมัครสอบคนละ 5-6 แสนบาท เพื่อแก้ไขเปลี่ยนแปลงผลคะแนน ช่วยเหลือผู้สมัครสอบบางคนให้เป็นผู้สอบได้
ป.ป.ช.ระบุ อปท.อีก 31 แห่งถูกร้องเรียน
มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่กว่า 31 แห่งถูกร้องเรียนตรวจสอบ เว็บไซต์สำนักงาน ป.ป.ช. เผยแพร่ข้อมูลว่าบรรดานายก อบต. ผู้บริหาร และคนที่เกี่ยวข้องเกือบ 100 คน ถูกศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 4 พิพากษาลงโทษจำคุก โดยโทษสูงสุด สูงถึง 140 ปี หนึ่งในผู้ที่ได้รับโทษนี้คือ นายอร่าม ศิริพันธุ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งหัวหน้าภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สถาบันการศึกษาที่ได้รับคัดเลือกให้ออกข้อสอบ

ปี 2560 ยุค คสช.แก้ทุจริตจัดสอบท้องถิ่น
คำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 8/2560 เรื่องการปฏิรูปการบริหารงานส่วนบุคคลท้องถิ่น ลงวันที่ 21 ก.พ.2560 นำไปสู่การกำหนดให้การจัดสอบท้องถิ่นทั่วประเทศ เป็นอำนาจของส่วนกลาง เพื่อแก้ปัญหาระบบอุปถัมภ์ และเรียกรับผลประโยชน์
ในปีนี้ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจ้างดำเนินการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเป็นข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่น โดยวิธีคัดเลือก งบประมาณ 150 ล้านบาท ซึ่ง มหาวิทยาลัยบูรพา ชนะการประมูลโดยเสนอราคากว่า 102 ล้านบาท
ในยุค คสช. ผู้กุมบังเหียนกระทรวงมหาดไทย คือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ดำรงตำแหน่งนี้มาตั้งแต่ปี 2557 และสิ้นสุดวาระเมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ.2566
ปี 2562 กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจ้างดำเนินการสอบฯ งบประมาณ 120 ล้านบาท มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ชนะการประมูลโดยเสนอราคา 92 ล้านบาท
ปี 2564 กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจ้างดำเนินการสอบฯ งบประมาณ 120 ล้านบาท มหาวิทยาลัยบูรพา ชนะการประมูลโดยเสนอราคากว่า 90 ล้านบาท
ปี 2566 ในช่วงปลายปี นายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้ดำรงตำแหน่ง รมว.มหาดไทย
4 ก.ย.2566 นายขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ในขณะนั้น ลงนามประกาศรายชื่อผู้ชนะการเสนอราคา งานจ้างเหมาดำเนินการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเป็นข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่น โดยวิธีคัดเลือก ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี โดยเสนอราคากว่า 82 ล้านบาท ผู้สมัครสอบ 3 แสนคน เฉลี่ยอัตรา 276 บาท
6 ก.ย.2566 มีผู้ยื่นอุทธรณ์ขอให้ยกเลิกประกาศผู้ชนะการประมูล ต่อ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในขณะนั้น นำไปสู่การตรวจสอบ
26 ธ.ค.2566 หลังจากใช้เวลาตรวจสอบเกือบ 3 เดือน นายสุรพล เจริญภูมี รองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ในขณะนั้น ลงนามในประกาศ ยกเลิกประกาศผู้ชนะการเสนอราคา ระบุว่า มหาวิทยาลัยบูรพา (ผู้ยื่นอุทธรณ์) เป็นผู้ยื่นข้อเสนอที่ได้รับคะแนนรวมสูงสุด จึงขอยกเลิกประกาศที่ลง วันที่ 4 ก.ย.2566
ประกาศนี้นำไปสู่กระแสข่าวการตั้งข้อสังเกตว่า การเปลี่ยนมหาวิทยาลัยที่ดำเนินการจัดสอบจาก ม.เทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี มาเป็น ม.บูรพา มีกลุ่มที่ได้รับผลประโยชน์ผลักดันหรือไม่
ปี 2567 ป.ป.ช.จับตาสอบท้องถิ่น
26 ม.ค.2567 นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. (ในขณะนั้น) ร่วมในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ภาคีเครือข่ายการป้องกัน ต่อต้าน และปราบปรามการทุจริตการสอบแข่งขันท้องถิ่นเพื่อบรรจุบุคคลเป็นข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่น ประจำปี 2567 ระหว่าง 5 หน่วยงาน มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย เป็นประธาน
ม.ค.-ก.พ.2567 มีการเคลื่อนไหวร้องเรียนปัญหาสอบท้องถิ่น โดยนายอาสพลธ์ สรรณ์ไตรภพ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ ที่มีข้อกังวลเกี่ยวกับกระบวนการจัดสอบพนักงานส่วนท้องถิ่น ที่อาจมีการทุจริตเรียกรับผลประโยชน์ เขาระบุว่า
เฉพาะที่บ้านของผมจังหวัดศรีสะเกษได้มีกลุ่มบุคคลไปพูดกับพี่น้องในศรีสะเกษว่า ถ้าอยากให้ลูกหลานรับราชการในท้องถิ่น นำเงินมา 700,000 บาท ในอดีต นะครับ 2542 ถึง 2560 ตอนนั้น 300,000 มาวันนี้ 7 แสนบาทแล้ว พี่น้องที่อยู่ในหมู่บ้านที่อยู่ตามต่างจังหวัดจะหาเงินจากไหนมา 700,000 บาท ต้องเอาที่นาของเขาไปขาย เพราะอยากให้ลูกเขา อยากให้หลานเขา ได้มีงานทำ อยากให้ลูกหลานได้รับราชการ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น
ปี 2567 เป็นช่วงที่ การจัดสอบท้องถิ่นเงียบงัน สื่อสังคมอนไลน์ตั้งคำถามกับปัญหาที่เกิดขึ้น ผู้ที่สมัครสอบเรียกร้องให้เร่งจัดสอบ
ปี 2568 เริ่มมีความชัดเจนในการสอบท้องถิ่น
6 พ.ค.2568 กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ออกประกาศ เรื่อง ประกวดราคาจ้างเหมาดำเนินการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเป็นข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่น ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) และมีการประชาสัมพันธ์ ที่ย้ำว่า การสอบบรรจุปี 2568 ต้องโปร่งใสเป็นธรรม เตือนอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้างช่วยสอบได้ หากพบเห็นหรือได้รับการติดต่อจากบุคคลที่แอบอ้างว่า สามารถช่วยให้สอบผ่านหรือบรรจุได้ โปรดแจ้งเบาะแสหรือข้อมูลได้ที่ ศูนย์ดำรงธรรม กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น
26 มิ.ย.2568 ประกาศผู้เสนอราคาที่ชนะการเสนอราคา ได้แก่ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ซึ่งเป็นผู้ได้คะแนนรวมสูงสุดเสนอราคาเป็นเงินกว่า 133 ล้านบาท จำนวนผู้สมัครสอบ 438,277 คน คน เฉลี่ยคนละ 304 บาท ต่ำกว่าเงินงบประมาณหรือราคากลาง กว่า 7 ล้านบาทคิดเป็นอัตราร้อยละ 5.00 ลงนามโดยนายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
ขณะที่กระแสความสนใจในสื่อสังคมออนไลน์ ตั้งคำถามว่า เพราะเหตุใด มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ มหาวิทยาลัยบูรพา ที่มีประสบการณ์ในการจัดสอบ ไม่ได้ยื่นประมูลงานการจัดสอบแข่งขันท้องถิ่น ปี 2568
ด้านเพจเฟซบุ๊ก ศูนย์สอบธรรมศาสตร์ หรือที่แฟนเพจเรียกกันว่า พี่ธรรม ได้โพสต์ข้อมูล อ้างถึงปัญหาการจัดสอบท้องถิ่นอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ได้ชี้แจงสาเหตุที่ ศูนย์สอบธรรมศาสตร์ไม่ยื่นประมูลจัดสอบท้องถิ่นว่า

การประมูลครั้งนี้ แบ่งเป็นเกณฑ์ราคาและเกณฑ์คุณภาพ ถ้าพี่ธรรมยื่น มีความเป็นไปได้ว่า พี่ธรรรมจะเสนอราคาแพงกว่าที่อื่น แต่คะแนนเกณฑ์คุณภาพอาจดีกว่า แล้วถ้ากรมส่งเสริม เลือกพี่ธรรม อาจนำมาซึ่งการอุทธรณ์หรือไม่ ? แน่นอนหากเป็นแบบที่ผ่านมา กระบวนการสอบจะล่าช้า มีเลื่อนสอบกันไปอีก เป็นสิ่งที่เราทุกคนไม่ต้องการให้เลื่อนสอบ พี่ธรรมก็กังวลเรื่องนี้
การถอนตัวของธรรมศาสตร์ ไม่ได้หมายความจะเลิกเปิดโปงขบวนการ วงจรอุบาทว์ ในการสอบนะครับเพจศูนย์สอบจะยังทำหน้าที่คอยรับส่งข้อมูลปัญหาให้ ทางกรม/หน่วยตรวจสอบ เสมอครับ ย้ำว่าถ้าอีพวกผีปอบ ที่ตอนนี้ ลงทุนเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนนามสกุล แล้วแฝงตัวในมหาลัยเพื่อหากินอีก จะฟาดให้กลางเพจนี้เลย
ในขณะที่คนเกือบกว่า 4 แสนคน เตรียมพร้อมเพื่อสอบท้องถิ่น ตามตารางตารางกำหนดการสอบท้องถิ่น ปี 2568
7-28 มีนาคม - เปิดรับสมัครสอบผ่านเว็บไซต์
2 กรกฎาคม - ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบ พร้อมวัน เวลา และสถานที่สอบ
19 กรกฎาคม - สอบภาค ก. และภาค ข.
1 ตุลาคม - ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบภาค ค.
18-19 ตุลาคม - สอบภาค ค. (สอบสัมภาษณ์)
31 ตุลาคม - ประกาศขึ้นบัญชีรายชื่อผู้สอบแข่งขันได้
3 -7 พฤศจิกายน - รายงานตัวและเลือกสถานที่แต่งตั้ง
1 ธันวาคม – บรรจุแต่งตั้งเข้ารับราชการ
แต่เหมือนสายฟ้าฟาดผ่ากลางความหวัง ของคนที่เฝ้ารอการสอบมาเกือบ 3 ปี
8 ก.ค.2568 เพจเฟซบุ๊ก ศูนย์สอบธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความ ขอแสดงความเสียใจ งานสอบแข่งขันท้องถิ่น 68 เลื่อน (ไม่มีกำหนด) เพราะกรรมการ ของกรมฯ ไม่กล้าพิจารณาตอบอุทธรณ์ แต่ส่งให้กรมบัญชีกลางวินิจฉัย และอีกหลายโพสต์ที่สะท้อนปัญหาการจัดสอบท้องถิ่นที่ยังวนเวียนอยู่กับการร้องเรียน และการยื่นอุทธรณ์ผลการพิจารณาการประกวดราคา

ด้านกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น มีเอกสารประชาสัมพันธ์ว่า ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายจัดซื้อจัดจ้าง โดยพิจารณาและจัดทำความเห็นรายงานให้คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ กรมบัญชีกลาง วินิจฉัยสั่งการต่อไป ซึ่งจะทำให้แผนการจัดสอบแข่งขันต้องเลื่อนออกไป อย่างมากที่สุดไม่เกิน 70 วัน จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้สมัครสอบและประชาชนทั่วไปได้รับทราบ
หลังจากนั้นในโลกออนไลน์ก็เกิดกระแสทัวร์ลง มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ ซึ่งเป็นผู้ยื่นอุทธรณ์ มีเสียงสะท้อนหลากหลายจากผู้สมัครสอบ ทั้งเรียกร้องขอคืนค่าสมัครสอบ ซึ่งมีการเก็บค่าจัดสอบจากผู้สมัคร 438,277 คน คนละ 400 บาท ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2568 รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 175,310,800 บาท
นอกจากนี้หลายคนก็บอกว่าต้องลาออกจากงานมาอ่านหนังสือสอบ แต่สุดท้ายการสอบก็เลื่อนซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนต้องกลับไปหางานทำ บางคนที่ตั้งครรภ์ก็เกรงว่าจะคลอดในช่วงที่สอบพอดี
ล่าสุด (15 ก.ค.2568) กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ออกเอกสารประชาสัมพันธ์การสอบแข่งขันท้องถิ่นปี 2568 (ฉบับที่ 2) มีรายละเอียดสำคัญคือ ค่าธรรมเนียมการสอบที่เรียกเก็บจากผู้สมัคร ได้นำฝากไว้ที่กระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นไปตาม ข้อ 6 ของระเบียบกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นว่าด้วยเงินค่าธรรมเนียมการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเป็นพนักงานส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2559
เปิดใจอดีตเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ทำคดีทุจริตสอบท้องถิ่น
ไทยพีบีเอสสัมภาษณ์ อดีต พนักงานไต่สวน ป.ป.ช. ที่เคยทำคดีทุจริตสอบท้องถิ่นใน จ.ราชบุรี ให้ข้อมูลว่า การทำคดีนี้เริ่มต้นจากการร้องเรียนผ่าน บัตรสนเท่ห์ เพียง 6-10 ใบ จากข้อมูลที่มีเพียงน้อยนิด ทำให้เจ้าพนักงานไต่สวน ป.ป.ช. หลายคนเห็นตรงกันว่า ไม่น่าจะมีมูล ควรยุติเรื่อง หรือไม่รับคดี
แต่เขาได้เดินหน้าทำคดีนี้ต่อ แม้จะพบว่า ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี (ในขณะนั้น) มีความก้าวหน้าในอาชีพราชการ และต่อมาเป็นอธิบดีกรมการปกครอง การทำคดีในยุคนั้นยังพบเบาะแส การสื่อสารในเว็บบอร์ด นำไปสู่การเริ่มทำคดี รวบรวมพยานหลักฐาน สามารถชี้มูลข้าราชการระดับสูงในกระทรวงมหาดไทย และได้เสนอให้เปลี่ยนการจัดสอบท้องถิ่นที่จังหวัดจัดสอบเอง มาให้ส่วนกลางจัดสอบ
อดีตเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.คนดังกล่าว เปิดเผยอีกว่า การทำสำนวนคดีนี้ เพื่อเสนอให้กรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาว่า จะรับไต่สวนคดีหรือไม่ มีผู้บริหารและกรรมการ ป.ป.ช.บางคนที่ไม่เห็นด้วยที่จะรับคดีไว้ไต่สวนเอง เห็นควรส่งสำนวน ทั้ง 73 คดี ให้ตำรวจหรือต้นสังกัดดำเนินคดี จึงส่งเรื่องเข้าคณะกรรมการกลั่นกรองคดี
หลังจากนั้น มีกรรมการ ป.ป.ช. คนหนึ่ง เห็นควรรับสำนวนทั้งหมดไว้ให้ ป.ป.ช. ดำเนินการเอง และมอบคดีทั้งหมดให้เขารับผิดชอบ
ท้ายที่สุดแม้จะนำไปสู่การชี้มูลความผิด ผู้ที่กระทำผิดได้ เป็นคดีผลงานชิ้นโบว์แดงของ ป.ป.ช. แต่ผลลัพธ์กลับไม่ได้ส่งผลในทางบวก ต่อเจ้าพนักงานไต่สวนที่ทำคดีคนนี้ เขาถูกมองว่า ทำคดีเพื่อค้าสำนวน และทำให้สถิติการรับคดีของสำนักงาน ป.ป.ช.สูงขึ้น
อดีตเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.กล่าวต่อว่า ปัญหาการทุจริตสอบท้องถิ่น เป็นปัญหาสำคัญของประเทศ เพราะเป็นการฮั้วอำนาจ ระหว่างผู้มีอำนาจบรรจุแต่งตั้งกับผู้สมัครสอบ ซึ่งต้องจ่ายเงินแลกกับการได้เป็นข้าราชการ
การเรียกรับ ไม่ได้ทำเฉพาะข้าราชการฝ่ายการเมืองเท่านั้น แต่มีทีมงานข้าราชการประจำ สมาชิก อปท.ร่วมกันดำเนินการ เมื่อได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการแล้ว บุคคลเหล่านี้ต้องให้ความร่วมมือกับผู้มีอำนาจที่บรรจุเขาเข้ามา ทำให้เครือข่ายข้าราชการทุจริตขยายขึ้นทุกครั้งที่มีการสอบบรรจุ
การทุจริตสอบยังเป็นการสร้างกลุ่มอำนาจ เพื่อเข้าไปทุจริตในระบบ ที่ทำเป็นขบวนการ เป็นฐานการเมืองท้องถิ่น สู่การเมืองระดับชาติ
เมื่อให้คนที่มาจากการทุจริตสอบเข้าไปทำงาน กลุ่มคนเหล่านี้ ก็จะเป็นข้าราชการที่ช่วยสนับสนุนกระบวนการทุจริตร่วมกับนักการเมือง และกลุ่มทุน เป็นเครือข่ายการทุจริต เรียกรับผลประโยชน์ที่เหนียวแน่น ยากที่จะแก้ไข หรือตรวจสอบเอาผิดได้ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือ อปท.ทั่วประเทศ
สอบท้องถิ่นกับแนวคิดกระจายอำนาจ
มีความเคลื่อนไหวของหลายฝ่าย ที่พยายามเรียกร้องให้เปลี่ยนแปลงการจัดสอบท้องถิ่น ทั้ง สมาคมข้าราชการส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทย ที่ได้ยื่นหนังสือต่อสภาผู้แทนราษฎร ขอผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.ยกเลิกคำสั่ง คสช. ที่ 8/2560 กรณีการขับเคลื่อนการปฏิรูปการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น โดยอ้างว่า อาจขัดกับหลักการกระจายอำนาจของการปกครองส่วนท้องถิ่น
ขณะที่พรรคประชาชน ซึ่งอดีตเป็นพรรคก้าวไกล ก็ได้ผลักดันการยกเลิกคำสั่ง คสช. ที่ 8/2560 เช่นกัน ใน เพจเฟซบุ๊ก ก้าวไกลของประชาชน - Move Forward โพสต์ข้อความส่วนหนึ่งระบุว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร (14 ก.พ.2567) มีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้องกับระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่นรวม 4 ฉบับ โดยในส่วนพรรคก้าวไกล วรภพ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ เสนอร่าง พ.ร.บ. ยกเลิกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 8/2560 เรื่องการปฏิรูปการบริหารงานส่วนบุคคลท้องถิ่น ลงวันที่ 21 ก.พ.2560
สาระสำคัญของร่างที่วรภพเสนอ คือการคืนอำนาจการสอบคัดเลือกบุคลากรท้องถิ่น กลับไปที่ท้องถิ่น เนื่องจากคำสั่ง คสช. ที่ 8/2560 ชัดเจนว่า คือการรวบอำนาจการคัดเลือกบุคลากรของท้องถิ่น จากท้องถิ่นมาสู่ส่วนกลาง โดยให้เหตุผลข้ออ้างว่า เมื่อท้องถิ่นไปจัดสอบแข่งขันคัดเลือกพนักงานท้องถิ่นเองแล้ว มีการทุจริตจำนวนมาก

6 ปี ปัญหาเดิมไม่ได้แก้-แถมสร้างปัญหาใหม่
แต่เมื่อมีการรวบอำนาจมาที่ส่วนกลางเป็นเวลา 6 ปี ก็พิสูจน์แล้วเช่นกันว่า สร้างปัญหาที่ไม่แตกต่างกัน เพราะปัญหาทุจริตที่เกิดขึ้นในการสอบแข่งขันคัดเลือกนั้น ไม่ได้อยู่ที่ว่าท้องถิ่นเป็นคนทำหรือส่วนกลางเป็นคนทำ แต่อยู่ที่มาตรฐานในการจัดสอบแข่งขัน ว่ามีความโปร่งใสและตรวจสอบได้อย่างชัดเจนหรือไม่ เพื่อให้ข้าราชการท้องถิ่นสามารถเติบโตก้าวหน้า บรรจุข้าราชการ ชดเชยทดแทนตำแหน่งที่หายไปได้
จึงต้องติดตามว่า ในอนาคตการจัดสอบท้องถิ่นจะมีความเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ขณะที่การจัดสอบในปี 2568 กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงที่พรรคเพื่อไทยส่งนายภูมิธรรม เวชยชัย มาเป็น รมว.มหาดไทย อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงกลุ่มอำนาจเดิมของพรรคภูมิใจไทย ที่เคยดูแลกระทรวงนี้
หลังจากที่พรรคเพื่อไทยเข้ามาดูและกระทรวงมหาดไทย ล่าสุดได้ตรวจสอบงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาท โดยเฉพาะส่วนที่จัดสรรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) วงเงินกว่า 40,000 ล้านบาท หลังพบว่า เกิดการจัดสรรงบกระจุกตัวในบางพื้นที่ เช่น บุรีรัมย์ และสุรินทร์ สูงถึง 700 ล้านบาท ขณะที่อีกหลายพื้นที่กลับได้รับไม่ถึง 3 ล้านบาท ซึ่งหลายฝ่ายได้ตั้งข้อสังเกตว่า การคุมกระทรวงมหาดไทย และการใช้งบประมาณก้อนนี้ อาจเป็นการปูทางสู่การเลือกตั้งสมัยหน้า ที่สร้างความได้เปรียบพรรคอื่น ๆ
เรียบเรียง : พลอยไพฑูรย์ ธุระพันธุ์ ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอส ศูนย์ข่าวภาคอีสาน
อ่านข่าว :
แท็กที่เกี่ยวข้อง:
-