ไชยาขอโทษสั่งปิดสภาฯ ยันทำงานเป็นกลาง ไม่เป็นเครื่องมือใคร

วันนี้ (23 ส.ค.2568) นายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ชี้แจงกรณีสั่งปิดการประชุมสภาก่อนพิจารณาญัตติเรื่อง MOU 2543-2544 โดยระบุว่าได้รับการประสานจาก วิปรัฐบาล ว่าเมื่อเสร็จสิ้นวาระกระทู้และรับทราบรายงานหน่วยงาน 4-5 หน่วยงาน ซึ่งวันนั้นมีเพียง กองทุนสื่อสร้างสรรค์ พร้อมรายงาน จึงได้รับแจ้งให้ปิดประชุมหากไม่มีวาระอื่น ยอมรับรู้สึกเสียใจที่ถูกมองว่าปิดประชุมเพื่อหนีปัญหา และยืนยันว่าไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลังในการตัดสินใจ

นายไชยาเผยว่าไม่ทราบมาก่อนว่า ฝ่ายค้าน จะเสนอญัตติด้วยวาจาเรื่อง MOU เพราะ ประธานบนบัลลังก์ไม่มีสิทธิ์รับรู้ การเจรจาระหว่าง วิปฝ่ายค้าน และ วิปรัฐบาล สังเกตเห็นทั้ง 2 ฝ่ายพูดคุยกันหลายครั้ง แต่เมื่อไม่มีการประสานเพิ่มเติมจึงคิดว่าไม่มีวาระต่อไป และสั่งปิดประชุมตามข้อตกลงเดิม รับเป็นความผิดพลาดในการสื่อสาร และขอโทษที่ทำให้สังคมไม่สบายใจ

นายไชยายังกล่าวถึงการรับหนังสือจาก กลุ่มผู้ชุมนุม ที่เรียกร้องให้สภาฯ เสนอญัตติเพื่อ อภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 แต่ขั้นตอนนี้ต้องรอพรรคการเมืองเสนอเข้ามา ทำให้ตนไม่ทราบว่าจะมีการพิจารณาในวันนั้น ย้ำว่าสภาฯ ควรเป็นเวทีแก้ปัญหาบ้านเมือง ไม่ใช่ที่เล่นการเมือง และเรียกร้องให้ฝ่ายค้านและรัฐบาล ร่วมมือผลักดันกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติแทนการขัดแย้ง

พร้อมระบุว่าองค์ประชุมเป็นความรับผิดชอบของฝ่ายรัฐบาล แต่กฎหมายที่ออกมาใช้กับประชาชนทุกคน ไม่ใช่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ขอให้ทั้ง 2 ฝ่ายถอยคนละก้าว โดยเฉพาะกรณี MOU ที่เจรจา 5 รอบ แต่ไม่ลงตัว ฝ่ายหนึ่งต้องการตั้ง กรรมาธิการ อีกฝ่ายไม่เห็นด้วย ทำให้ไม่มีข้อสรุปและประชุมต่อไม่ได้

ทั้งนี้ รอง ปธ.สภาฯ คนที่ 1 ยังปฏิเสธว่าไม่มีการชิงปิดประชุมซ้ำ ๆ เนื่องจาก เสียงปริ่มน้ำและยืนยันว่า วิปรัฐบาลต้องรับผิดชอบองค์ประชุมตามกติกา แม้มาจากพรรคเพื่อไทย แต่ทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง เพราะถูกประชาชนจับตา หากไม่เป็นกลางเครดิตทางการเมืองจะเสียหาย และขอให้ทั้ง 2 ฝ่ายเจรจากันให้ชัดเจนเพื่อให้สภาฯ เดินหน้าแก้ปัญหาได้อย่างราบรื่น

อ่านข่าวอื่น :

ราชภัฏบ้านสมเด็จถอนปริญญา "ฮุน เซน" โต้กลับทิ้งไปตั้งแต่ได้มา

สังคมตีตรา-อคติขวางผู้ป่วย HIV เข้าถึงยาทำเป้ายุติเอดส์ 2573 ล่ม ?