ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

“คู่ค้า”เร่งสั่งซื้อสินค้าหนี้ภาษีทรัมป์ ดันดัชนีส่งออก-นำเข้าไทยขยายตัว

เศรษฐกิจ
13:58
66
“คู่ค้า”เร่งสั่งซื้อสินค้าหนี้ภาษีทรัมป์ ดันดัชนีส่งออก-นำเข้าไทยขยายตัว
ดัชนีราคาส่งออก และดัชนีราคานำเข้าของไทย ก.ค. ขยายตัวตามการเร่งสั่งซื้อสินค้าในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนประกาศใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯ

วันนี้ ( 28 ส.ค.2568) นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (ผอ.สนค.)โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เผยว่า ดัชนีราคาส่งออก และดัชนีราคานำเข้าของไทย เดือนกรกฎาคม 2568 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ขยายตัวตามการเร่งสต๊อกสินค้าของประเทศคู่ค้า ก่อนมาตรการปรับขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ จะเริ่มบังคับใช้ เพื่อลดความเสี่ยงด้านราคาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ประกอบกับการนำเข้าสินค้ายังขยายตัวเพื่อนำมาผลิตก่อนส่งออกเพิ่มขึ้น และรองรับการบริโภคภายในประเทศ

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า และโฆษกกระทรวงพาณิชย์

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า และโฆษกกระทรวงพาณิชย์

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า และโฆษกกระทรวงพาณิชย์

อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนของสถานการณ์เศรษฐกิจและการค้าโลก ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในหลายภูมิภาค การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นโยบายกีดกันทางการค้า และการแข็งค่าของเงินบาท อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการขยายตัวทางด้านราคาของไทยในระยะข้างหน้า

โดย ดัชนีราคาส่งออก เดือนกรกฎาคม 2568 เท่ากับ 111.2 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ขยายตัวชะลอลง 0.5% (YoY) สาเหตุจากราคาสินค้าเกษตร และเชื้อเพลิง รวมถึงสินค้าอุตสาหกรรมบางกลุ่มปรับลดลง จากปัญหาอุปทานล้นตลาด และความต้องการสินค้าชะลอลง

โฆษกกระทรวงพาณิชย์ กล่าวอีกว่า หมวดสินค้าที่ส่งผลให้ดัชนีราคาส่งออกปรับตัวสูงขึ้น ประกอบด้วย หมวดสินค้าอุตสาหกรรม สูงขึ้น 1.7 % ได้แก่ ทองคำ ราคายังทรงตัวสูงเมื่อเทียบกับปีก่อน ตามความต้องการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ และเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ขยายตัวตามการเติบโตของเทคโนโลยี

ส่วนหมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร สูงขึ้น 1.3% ได้แก่ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ตามต้นทุน การผลิตที่สูงขึ้น อาหารสัตว์เลี้ยง ตามความต้องการอาหารสัตว์เลี้ยงเพื่อสุขภาพเพิ่มขึ้น และเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะน้ำดื่ม และน้ำผลไม้ ตามความต้องการของผู้บริโภคที่เน้นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ

ขณะที่หมวดสินค้าที่ดัชนีราคาส่งออกลดลง ประกอบด้วย หมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง ลดลง 11.8% ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป และน้ำมันดิบ เนื่องจากอุปทานที่เพิ่มขึ้น และความความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และหมวดสินค้าเกษตรกรรม ลดลง 5% ได้แก่ ข้าว จากอุปทานที่เพิ่มขึ้น และการแข่งขันด้านราคา รวมถึงความต้องการของตลาดบางประเทศลดน้อยลงจากสต๊อกข้าวคงเหลือภายในประเทศ ผลไม้สดแช่เย็น แช่แข็งและแห้ง และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เมื่อเทียบกับปีก่อนราคายังปรับตัวลดลง เนื่องจากอุปทานล้นตลาด ประกอบกับอุปสงค์จากจีนชะลอลง

โฆษกกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ขณะที่ดัชนีราคานำเข้า เดือนกรกฎาคม 2568 เท่ากับ 115.7 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ขยายตัวชะลอลงเล็กน้อย ที่2.3% (YoY) จากปัจจัยความไม่แน่นอนทางการค้า อาจส่งผลต่อการชะลอการนำเข้าชั่วคราว อย่างไรก็ตาม ดัชนีราคานำเข้ายังคงปรับตัวสูงขึ้นเกือบทุกหมวดสินค้า ประกอบด้วย หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค สูงขึ้น 7.8% ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม เครื่องประดับอัญมณี และเครื่องใช้เบ็ดเตล็ด ขยายตัวต่อเนื่องตามความต้องการสินค้าเพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภคของประเทศ หมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป สูงขึ้น 5.4%

โดยเฉพาะทองคำ ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากความต้องการสำรองทองคำของธนาคารกลางหลายแห่ง เพื่อรองรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ

สำหรับอุปกรณ์ ส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ตามความต้องการชิ้นส่วนและอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้ในการผลิตและส่งออก และปุ๋ย ตามราคาปุ๋ยตลาดโลกที่ปรับสูงขึ้น โดยเฉพาะปุ๋ยยูเรีย และปุ๋ยที่มีส่วนผสมของN P K

ส่วนหมวดสินค้าทุน สูงขึ้น 5.1% ได้แก่ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ได้รับปัจจัยหนุนจากการส่งออก และการลงทุนของภาคอุตสาหกรรมที่ขยายตัวต่อเนื่อง รวมถึงความต้องการใช้เทคโนโลยีในประเทศเพื่อสนับสนุนการผลิต และหมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง สูงขึ้น 1.3%

โดยเฉพาะส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ ตามความต้องการเพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ขณะที่หมวดสินค้าเชื้อเพลิง ลดลง11.5% โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบ ตามทิศทางราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่ทยอยปรับลดลงในช่วงก่อนหน้า

สำหรับแนวโน้มดัชนีราคาส่งออก และดัชนีราคานำเข้า เดือนส.ค. คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่อง โดยปัจจัยที่สนับสนุนให้ดัชนีขยายตัว ได้แก่ อัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ที่สหรัฐฯ ประกาศใช้กับไทยที่ 19% ยังอยู่ในระดับที่แข่งขันได้เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในอาเซียน

ความต้องการบริโภคสินค้าเกษตรแปรรูป และอาหารในตลาดโลกยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง สินค้าอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี AI และ Data Center ยังเป็นที่ต้องการของตลาดทั่วโลก และ ต้นทุนการผลิตมีแนวโน้มปรับสูงขึ้น

ปัจจัยเสี่ยงที่ควรเฝ้าระวัง ได้แก่การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และประเทศคู่ค้าหลัก ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ แม้จะผ่อนคลายแต่ยังมีแนวโน้มยืดเยื้อในหลายภูมิภาค รวมถึงความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้าและภาษีของสหรัฐฯ

รวมถึงนโยบายของหลายประเทศที่มุ่งสนับสนุนอุตสาหกรรมภายในประเทศมากขึ้น ตลอดจนมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม อาจส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศ ส่วนราคาสินค้าเกษตรสำคัญบางกลุ่มเผชิญกับปัญหาอุปทานส่วนเกิน และการแข่งขัน ทางด้านราคา และ เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่า ซึ่งเป็นข้อจำกัดของภาคการส่งออกไทย

อ่านข่าว:

 “ไทย”รับมือวิกฤตโลกเปลี่ยน “จตุพร” จี้ยกระดับ e-Government

ต่างชาติลงทุนไทย 7 เดือน ขนเงินเข้าปท. 1.59แสนล้าน ญี่ปุ่นลงทุนมากสุด

พณ.ดัน FTAไทย-ยูเค หวังกระจายความเสี่ยงลดพึ่งพิงตลาดเดิม