ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

นร.ชายวัย 13 ใช้ชีวิตในไทยตั้งแต่ทารก ถูกจับ-อาจถูกส่งกลับกัมพูชา

สังคม
12:51
642
นร.ชายวัย 13 ใช้ชีวิตในไทยตั้งแต่ทารก ถูกจับ-อาจถูกส่งกลับกัมพูชา
อ่านให้ฟัง
05:20อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ตำรวจจับกุม นร.ชายวัย 13 ปี ชาวกัมพูชาใน จ.สุรินทร์ ข้อหาเข้าเมืองผิดกฎหมาย ครูโพสต์คลิป ข้อความ สงสารเด็ก ก่อนลบทั้งหมดภายหลัง ชาวเน็ตความเห็นแตก ผู้ว่าฯ สุรินทร์ยันเด็กและแม่ต้องถูกส่งกลับ แต่หากจัดการเอกสารได้ เด็กอาจได้กลับมาเรียนต่อ

วันนี้ (27 ส.ค.2568) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Sopon Jongboriboon โพสต์คลิปวิดีโอและข้อความ ระบุใจความว่า ตำรวจเข้าจับกุมนักเรียนชายวัย 13 ปี ในโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ ในข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวที่เข้ามาและอยู่ในประเทศไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต เด็กและแม่เป็นชาวกัมพูชา อาศัยใน จ.สุรินทร์ กับพ่อเลี้ยงที่เป็นคนไทยตั้งแต่เด็กยังเป็นทารก

ต่อมา ครูที่พาเด็กไปสถานีตำรวจภูธรบัวเชดร้องไห้ด้วยความสงสาร เพราะเด็กเป็นนักเรียนดีเด่น มีผลการเรียนเกรดเฉลี่ย 4.00 และใช้ชีวิตในไทยมานาน ครูจึงกังวลว่าการจับกุมและการส่งตัวกลับกัมพูชาจะกระทบอนาคตของเด็ก

หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ มีผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์แสดงความคิดเห็นจำนวนมาก บางส่วนสงสารเด็กและเรียกร้องให้ปกป้องตามหลักสิทธิเด็ก ขณะที่บางส่วนเห็นด้วยกับการบังคับใช้กฎหมาย ผู้ที่ทำงานด้านสิทธิเด็กและบางผู้ใช้เฟซบุ๊กขอให้ประชาชนงดใช้สื่อออนไลน์แสดงความเกลียดชังต่อเด็ก เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบทางจิตใจ

นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองกำลังตรวจสอบว่าการจับกุมเป็นไปตามหลักสิทธิเด็กหรือไม่ พร้อมยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงปฏิบัติตามกฎหมาย เนื่องจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาไม่ปกติ จึงต้องตรวจสอบพฤติกรรมอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันสายลับ เด็กและแม่จะถูกผลักดันกลับกัมพูชา อย่างไรก็ตาม หากเด็กสามารถจัดการเอกสารการเข้าเมืองให้ถูกต้อง จะสามารถกลับมาเรียนต่อในไทยได้

สำหรับกรณีที่โรงเรียนรับเด็กเข้าเรียนโดยใช้รหัส G-Code ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการกำหนดให้เด็กที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎร เพื่อให้เข้าถึงการศึกษาได้ ผู้ว่าฯ ระบุว่า ปัญหานี้พบได้ทั่วไปในจังหวัดชายแดน โดยเฉพาะชายแดนเมียนมา ที่โรงเรียนมักไม่แจ้งข้อมูลเด็กที่มีรหัสG-Code ต่อกรมการปกครอง ซึ่งโรงเรียนสามารถดำเนินการแทนผู้ปกครองเพื่อให้เด็กได้รับสถานะทางทะเบียนได้

รหัส G-Code สำหรับเด็กที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎร

ข้อมูลจากกระทรวงศึกษาธิการ ระบุถึงเรื่อง รหัส G-Code เป็นรหัสประจำตัวนักเรียนที่กำหนดโดยกระทรวงศึกษาธิการของประเทศไทย เพื่อใช้สำหรับเด็กที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎร เช่น เด็กที่เป็นบุคคลต่างด้าว เด็กไร้สัญชาติ หรือเด็กที่ไม่มีเอกสารประจำตัวตามกฎหมาย เช่น สูติบัตร หรือบัตรประจำตัวประชาชน

รหัสนี้ประกอบด้วยตัวอักษร "G" นำหน้าตามด้วยตัวเลข 12 หลัก มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เด็กกลุ่มนี้สามารถเข้าถึงสิทธิทางการศึกษาได้ตามนโยบายการศึกษาสำหรับทุกคน (Education for All) โดยไม่ถูกกีดกันจากการขาดสถานะทางกฎหมาย

รหัส G-Code ช่วยให้โรงเรียนสามารถบันทึกข้อมูลนักเรียนในระบบทะเบียนนักเรียนของกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อติดตามผลการเรียนและจัดการด้านการศึกษาได้อย่างเป็นระบบ โดยเด็กที่ได้รับรหัสนี้สามารถเข้าเรียนในโรงเรียนของรัฐหรือเอกชนที่เข้าร่วมโครงการได้ตามปกติ

รหัส G-Code เกิดจากนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการที่เริ่มใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2548 เป็นต้นมา เพื่อแก้ไขปัญหาการเข้าถึงการศึกษาของเด็กในพื้นที่ชายแดนหรือเด็กจากครอบครัวที่อพยพเข้ามาในประเทศไทย โดยเฉพาะในจังหวัดที่มีชุมชนต่างด้าวจำนวนมาก เช่น สุรินทร์ ตาก หรือเชียงราย

อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่พบคือโรงเรียนบางแห่งอาจรับเด็กที่มีรหัส G-Code เข้าเรียน แต่ไม่แจ้งข้อมูลต่อกรมการปกครองเพื่อขึ้นทะเบียนสถานะบุคคล ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาการตรวจสอบทางกฎหมาย เช่น กรณีเด็กที่ถูกจับกุมในจังหวัดสุรินทร์ เนื่องจากเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย รหัส G-Code จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เด็กเหล่านี้มีโอกาสทางการศึกษา แต่ยังต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างหน่วยงานด้านการศึกษาและการปกครองเพื่อจัดการสถานะทางกฎหมายอย่างครบถ้วน

อ่านข่าวอื่น :

ลุ้นผลโหวตชี้ชะตา "น้องห่าน" ผ่านโปรบรรจุเป็นพนักงานคูเมืองหรือไม่

"พ.ต.อ.เอนก" เตือนผู้ถือครองทรัพย์แทน "อดีตพระอลงกต" รีบแสดงตัว