วันนี้ (27 ส.ค.2568) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Sopon Jongboriboon โพสต์คลิปวิดีโอและข้อความ ระบุใจความว่า ตำรวจเข้าจับกุมนักเรียนชายวัย 13 ปี ในโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ ในข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวที่เข้ามาและอยู่ในประเทศไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต เด็กและแม่เป็นชาวกัมพูชา อาศัยใน จ.สุรินทร์ กับพ่อเลี้ยงที่เป็นคนไทยตั้งแต่เด็กยังเป็นทารก
ต่อมา ครูที่พาเด็กไปสถานีตำรวจภูธรบัวเชดร้องไห้ด้วยความสงสาร เพราะเด็กเป็นนักเรียนดีเด่น มีผลการเรียนเกรดเฉลี่ย 4.00 และใช้ชีวิตในไทยมานาน ครูจึงกังวลว่าการจับกุมและการส่งตัวกลับกัมพูชาจะกระทบอนาคตของเด็ก
หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ มีผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์แสดงความคิดเห็นจำนวนมาก บางส่วนสงสารเด็กและเรียกร้องให้ปกป้องตามหลักสิทธิเด็ก ขณะที่บางส่วนเห็นด้วยกับการบังคับใช้กฎหมาย ผู้ที่ทำงานด้านสิทธิเด็กและบางผู้ใช้เฟซบุ๊กขอให้ประชาชนงดใช้สื่อออนไลน์แสดงความเกลียดชังต่อเด็ก เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบทางจิตใจ
นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองกำลังตรวจสอบว่าการจับกุมเป็นไปตามหลักสิทธิเด็กหรือไม่ พร้อมยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงปฏิบัติตามกฎหมาย เนื่องจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาไม่ปกติ จึงต้องตรวจสอบพฤติกรรมอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันสายลับ เด็กและแม่จะถูกผลักดันกลับกัมพูชา อย่างไรก็ตาม หากเด็กสามารถจัดการเอกสารการเข้าเมืองให้ถูกต้อง จะสามารถกลับมาเรียนต่อในไทยได้
สำหรับกรณีที่โรงเรียนรับเด็กเข้าเรียนโดยใช้รหัส G-Code ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการกำหนดให้เด็กที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎร เพื่อให้เข้าถึงการศึกษาได้ ผู้ว่าฯ ระบุว่า ปัญหานี้พบได้ทั่วไปในจังหวัดชายแดน โดยเฉพาะชายแดนเมียนมา ที่โรงเรียนมักไม่แจ้งข้อมูลเด็กที่มีรหัสG-Code ต่อกรมการปกครอง ซึ่งโรงเรียนสามารถดำเนินการแทนผู้ปกครองเพื่อให้เด็กได้รับสถานะทางทะเบียนได้
รหัส G-Code สำหรับเด็กที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎร
ข้อมูลจากกระทรวงศึกษาธิการ ระบุถึงเรื่อง รหัส G-Code เป็นรหัสประจำตัวนักเรียนที่กำหนดโดยกระทรวงศึกษาธิการของประเทศไทย เพื่อใช้สำหรับเด็กที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎร เช่น เด็กที่เป็นบุคคลต่างด้าว เด็กไร้สัญชาติ หรือเด็กที่ไม่มีเอกสารประจำตัวตามกฎหมาย เช่น สูติบัตร หรือบัตรประจำตัวประชาชน
รหัสนี้ประกอบด้วยตัวอักษร "G" นำหน้าตามด้วยตัวเลข 12 หลัก มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เด็กกลุ่มนี้สามารถเข้าถึงสิทธิทางการศึกษาได้ตามนโยบายการศึกษาสำหรับทุกคน (Education for All) โดยไม่ถูกกีดกันจากการขาดสถานะทางกฎหมาย
รหัส G-Code ช่วยให้โรงเรียนสามารถบันทึกข้อมูลนักเรียนในระบบทะเบียนนักเรียนของกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อติดตามผลการเรียนและจัดการด้านการศึกษาได้อย่างเป็นระบบ โดยเด็กที่ได้รับรหัสนี้สามารถเข้าเรียนในโรงเรียนของรัฐหรือเอกชนที่เข้าร่วมโครงการได้ตามปกติ
รหัส G-Code เกิดจากนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการที่เริ่มใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2548 เป็นต้นมา เพื่อแก้ไขปัญหาการเข้าถึงการศึกษาของเด็กในพื้นที่ชายแดนหรือเด็กจากครอบครัวที่อพยพเข้ามาในประเทศไทย โดยเฉพาะในจังหวัดที่มีชุมชนต่างด้าวจำนวนมาก เช่น สุรินทร์ ตาก หรือเชียงราย
อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่พบคือโรงเรียนบางแห่งอาจรับเด็กที่มีรหัส G-Code เข้าเรียน แต่ไม่แจ้งข้อมูลต่อกรมการปกครองเพื่อขึ้นทะเบียนสถานะบุคคล ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาการตรวจสอบทางกฎหมาย เช่น กรณีเด็กที่ถูกจับกุมในจังหวัดสุรินทร์ เนื่องจากเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย รหัส G-Code จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เด็กเหล่านี้มีโอกาสทางการศึกษา แต่ยังต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างหน่วยงานด้านการศึกษาและการปกครองเพื่อจัดการสถานะทางกฎหมายอย่างครบถ้วน
อ่านข่าวอื่น :
ลุ้นผลโหวตชี้ชะตา "น้องห่าน" ผ่านโปรบรรจุเป็นพนักงานคูเมืองหรือไม่
"พ.ต.อ.เอนก" เตือนผู้ถือครองทรัพย์แทน "อดีตพระอลงกต" รีบแสดงตัว