วันนี้ (28 ส.ค.2568) จากกรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Sopon Jongboriboon โพสต์คลิปและข้อความเกี่ยวกับการจับกุมนักเรียนชายชาวกัมพูชาวัย 13 ปี ในโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ ในข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ทำให้นักวิชาการด้านกฎหมายและสิทธิมนุษยชนได้ออกมาแสดงความเห็นถึงความไม่เหมาะสมของการกระทำดังกล่าว โดยชี้ว่าเป็นการละเมิดอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (Convention on the Rights of the Child: CRC) และกฎหมายสากล
อ.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล นักวิชาการด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Prinya Thaewanarumitkul ระบุว่า การจับกุมเด็กในโรงเรียนโดยไม่มีหมายจับและไม่มีเหตุกระทำผิดซึ่งหน้า ถือเป็นการกระทำที่ผิดทั้งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาและกฎหมายคุ้มครองเด็กหลายฉบับ อีกทั้งยังขัดต่ออนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ซึ่งประเทศไทยเป็นภาคีสมาชิก การส่งเด็กออกนอกประเทศโดยไม่พิจารณาสถานะเด็กที่เติบโตในไทยตั้งแต่ทารกและมีผลการเรียนดีเยี่ยม ถือเป็นการละเมิดสิทธิเด็กอย่างร้ายแรงและเสื่อมเสียชื่อเสียงของประเทศไทย
อ.ปริญญา เผยว่า กรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) มี MOU กับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ที่ระบุว่าจะไม่จับกุมหรือส่งเด็กไร้สัญชาติออกนอกประเทศ โดยจะหาทางช่วยเหลือตามความเหมาะสม ขณะนี้หน่วยงานดังกล่าวกำลังประสานงานเพื่อระงับการส่งตัวเด็กกลับกัมพูชา และกระทรวงมหาดไทย รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ได้รับทราบเรื่องแล้ว นอกจากนี้ ยูนิเซฟ (UNICEF) ซึ่งดูแลเรื่องสิทธิเด็ก ได้ติดตามความคืบหน้าเพื่อให้มั่นใจว่าการแก้ไขปัญหาจะเป็นไปตามหลักสากล
ด้านนางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภาและอดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Angkhana Neelapaijit ว่า การนำเด็กเข้าคุกในข้อหาเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ถือเป็นความผิดพลาดร้ายแรงและน่าอับอายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเฉพาะเมื่อเด็กไม่ได้กระทำผิดด้วยตนเอง แต่ติดตามผู้ปกครองมา
การกระทำนี้ขัดต่อหลักความยุติธรรมสำหรับเด็ก และหลักการประโยชน์สูงสุดของเด็ก ตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก รวมถึงอนุสัญญาเจนีวาและกฎหมายสิทธิมนุษยชนสากล (IHRL) ที่กำหนดให้เด็กที่หนีภัยความขัดแย้งต้องได้รับการคุ้มครองพิเศษ
นางอังคณายังชี้ว่า การจับกุมเด็กครั้งนี้มีลักษณะเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติและจำกัดการเข้าถึงการศึกษาของเด็ก ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน เรียกร้องให้ตำรวจปล่อยตัวเด็กทันที พร้อมเยียวยาสภาพจิตใจและรับประกันว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก
นายเจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุผ่านเฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant เพิ่มเติมว่า กระทรวง พม. ควรเร่งช่วยเหลือเด็กตามนโยบายที่ประเทศไทยถอนข้อสงวนข้อ 22 ของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กเมื่อวันที่ 30 ส.ค.2567 เพื่อยกระดับการคุ้มครองเด็กผู้ลี้ภัยและเด็กผู้แสวงหาที่พักพิง โดยย้ำว่าเด็กคนนี้ไม่ควรถูกส่งกลับกัมพูชา เนื่องจากเติบโตในไทยและไม่สามารถใช้ภาษากัมพูชาได้ การส่งกลับอาจกระทบอนาคตของเด็กอย่างรุนแรง

กระทรวง พม. อยู่ในระหว่างการตั้งคณะทำงานเพื่อส่งเสริมและติดตามการเข้าถึงสิทธิเด็ก โดยจะประสานทุกภาคส่วนเพื่อปกป้องเด็กตามหลักการไม่เลือกปฏิบัติและเพื่อประโยชน์สูงสุดของเด็ก
นักวิชาการทั้งสามเน้นย้ำว่า การจับกุมเด็กครั้งนี้ไม่เพียงกระทบต่อตัวเด็ก แต่ยังสะท้อนปัญหาการขาดความเข้าใจในหลักสิทธิเด็กของเจ้าหน้าที่ และอาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะประเทศที่ให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชน และหวังว่าการประสานงานระหว่างหน่วยงานจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่เหมาะสม โดยไม่ทิ้งเด็กไว้ข้างหลัง
อ่านข่าวอื่น :
นร.ชายวัย 13 ใช้ชีวิตในไทยตั้งแต่ทารก ถูกจับ-อาจถูกส่งกลับกัมพูชา
เชียงใหม่เร่งค้นหา 5 ผู้สูญหายดินโคลนถล่ม เสียชีวิตเพิ่มเป็น 4 คน