เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สื่อออนไลน์ Asia Sentinel เผยแพร่รายงานโดย ทอม ไรท์ อดีตผู้สื่อข่าว The Wall Street Journal เกี่ยวกับนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ ชาวแอฟริกาใต้ หรือที่บางครั้งใช้ชื่อ "เบน สมิธ" ซึ่งมีบทบาทเป็นตัวกลางเชื่อมโยงอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร และอดีตนายกรัฐมนตรีฮุน เซน แห่งกัมพูชา ไรท์ระบุว่าเมาเออร์เบอร์เกอร์ได้รับฉายาว่า "ฟิกเซอร์" (Fixer) และ "โจ่ โหลวแห่งประเทศไทย" ชื่อของนักธุรกิจชาวมาเลเซียที่ถูกตำรวจสากลตามล่าจากคดียักยอกเงินกองทุน 1MDB มูลค่ากว่า 4,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐตั้งแต่ปี 2559
รายงานของไรท์ ซึ่งเผยแพร่ผ่านช่องทางออนไลน์ของ "Hunting Whales" ระบุว่าเมาเออร์เบอร์เกอร์เป็นตัวแทนที่ทักษิณใช้ถือครองทรัพย์สินลับ เช่น เพชรจากแอฟริกา, ธุรกิจเหมืองแร่ทองคำและพลาตินัม, กองทุนสำรองทองคำในกัมพูชา, สกุลเงินดิจิทัลในต่างประเทศ, อสังหาริมทรัพย์ในลอนดอน, ดูไบ, และมอนเตเนโกร ซึ่งทักษิณถือสัญชาติ รวมถึงเงินจากขายหุ้นชิน คอร์ปอเรชั่น นอกจากนี้ เขายังเป็นนายหน้าจัดซื้อเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวบอมบาร์เดียร์ โกลบอล จี 7500 มูลค่า 160 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้ทักษิณใช้เดินทางทั่วโลก

ที่มา : X @TomWrightAsia
ที่มา : X @TomWrightAsia
ไรท์ชี้ว่าในเดือน ก.ย.2567 Asia Sentinel รายงานว่า "ชาวแอฟริกาใต้" ซึ่งเชื่อว่าเป็นเมาเออร์เบอร์เกอร์ ได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนพยายามเข้าซื้อหุ้น บางจาก คอร์ปอเรชั่น บริษัทพลังงานรายใหญ่ของไทย จำนวน 31.35 ล้านหุ้น (ร้อยละ 24.96) ในปี 2567 ผ่านชาร์เตอร์ กรุ๊ป ซึ่งหากสำเร็จจะทำให้เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ เนื่องจากหุ้นบางจากเป็นที่สนใจเนื่องจากมีการบริหารอิสระ มีศักยภาพเติบโตสูง และมีแผนลงทุน 100,000 ล้านบาทใน 4-5 ปีข้างหน้า เพื่อพัฒนาการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซในพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชาในอ่าวไทย แหล่งข่าวระบุว่า หุ้นเหล่านี้ถูกถือไว้ให้ "นักการเมืองผู้มีอิทธิพล" ซึ่งถูกอ้างว่าเป็นทักษิณ และมีแผนที่จะส่งมอบต่อให้กับ ฮุน เซน
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวอิศราของไทยรายงานเมื่อ ก.พ.2568 ว่า การซื้อหุ้นล้มเหลว เนื่องจากกองทุนประกันสังคมไทย ซึ่งถือหุ้นบางจากร้อยละ 14 ปฏิเสธการขาย แม้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะกดดัน
รายงานระบุว่า ความล้มเหลวนี้ทำให้ ฮุน เซน ไม่พอใจ เนื่องจากมีข้อตกลงว่าหากทักษิณซื้อหุ้นไม่สำเร็จ จะโอนให้ฮุนเซนเป็นผู้ซื้อแทน ความไม่พอใจนี้เชื่อว่านำไปสู่การปล่อยคลิปเสียงสนทนาระหว่าง ฮุน เซน และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เมื่อ มิ.ย.2568 กลายเป็นชนวนสร้างความตึงเครียดทางการเมือง ต่อมา ตำรวจไทยได้รับคำสั่งตรวจค้นอสังหาริมทรัพย์ที่เชื่อมโยงกับก๊กอัน เจ้าพ่อบ่อนกาสิโนใกล้ชิดตระกูลฮุน และยึดทรัพย์สินมูลค่า 1,700 ล้านบาท
แม้จะมีอดีตที่คลุมเครือ เมาเออร์เบอร์เกอร์กลับบรรยายตัวเองในหน้า LinkedIn ว่าเป็นที่ปรึกษาด้านการลงทุนที่ประจำอยู่ในเมืองโตรอนโต และมีประสบการณ์กว้างขวางในตลาดแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ

ที่มา : LinkedIn Ben Mauerberger
ที่มา : LinkedIn Ben Mauerberger
ด้านความสัมพันธ์ในกัมพูชา เมาเออร์เบอร์เกอร์เข้าถึงชนชั้นสูงผ่าน "ยิม ลีค" บุตรชายของ ยิม ไฉลี รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชาและประธานสภาเพื่อการพัฒนาการเกษตรและชนบท ประธานกลุ่ม B.I.C. Group ซึ่งเป็นพันธมิตรของ ฮุน เซน เมาเออร์เบอร์เกอร์ได้รับสัญชาติกัมพูชาและขณะนี้อยู่ระหว่างยื่นขอสัญชาติไทยในนาม "เบน สมิธ เบน" ปัจจุบันเขาใช้ชีวิตหรูหราในกรุงเทพฯ ขับรถ Ferrari มีบ้านพักในภูเก็ต สมรสกับสตรีชาวไทย และเพิ่งซื้อเรือยอชท์ขนาดใหญ่ 2 ลำ
ไรท์ยังอ้างบทความจาก The Guardian ปี 2549 ว่าเมาเออร์เบอร์เกอร์เคยถูกเรียกว่า "ผู้ประกอบการห้องต้มตุ๋น" (Boiler room operator) ในนิวซีแลนด์ เนื่องจากใช้กลวิธีกดดันเพื่อขายหุ้นมูลค่าต่ำในราคาสูงเกินจริง นอกจากนี้ ยังมีรายงานระบุว่าเขาถูกเรียกว่า "อาชญากรที่ยังลอยนวล" และ "ผู้แก้ข่าวฉาวให้ชนชั้นสูงในกัมพูชา" ซึ่งเพิ่มคำถามถึงความเชื่อมโยงของทักษิณกับเครือข่ายธุรกิจใต้ดินที่กำลังเติบโตในกัมพูชา เช่น แก๊งคอลเซนเตอร์
บทความของไรท์ ซึ่งมีความยาว 73 หน้า ยังกล่าวถึงนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต บุตรชายของ ฮุน เซน และบุคคลอื่น ๆ รวม 28 คนว่าเกี่ยวข้องกับเครือข่ายธุรกิจใต้ดิน แต่ฮุนมาเนตปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ การเปิดเผยนี้สร้างความท้าทายให้ทักษิณ ซึ่งเพิ่งกลับไทยเมื่อสิงหาคม 2566 หลังลี้ภัย 15 ปี และ น.ส.แพทองธาร ซึ่งถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา
แหล่งที่มา : Asia Sentinel, Tom Wright, Ben Mauerberger, ทันโลก กับ Thai PBS
อ่านข่าวอื่น :
เดินหน้าออกโฉนดที่ดิน "บ้านหนองจาน" สระแก้วให้เสร็จในปี 68
"สแกนม่านตา" TFH ไม่เก็บข้อมูลส่วนบุคคล ใช้ยืนยันความเป็นมนุษย์