แม้ได้เข้าไปชี้แนวจุดที่ถูกทหารกัมพูชาจับกุมทั้ง 2 ครั้ง เมื่อปี 2553 ที่บ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว อีกครั้งเมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2568 หลัง “วีระ สมความคิด” ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.) ถูกทหารกัมพูชาจับกุมพร้อมตั้งข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฎ หมาย บุกรุกเขตทหารและจารกรรมข้อมูล จำคุกนานถึง 3 ปีครึ่ง
และกว่าความจริงจะปรากฏว่า “บ้านหนองจาน” เป็นแผ่นดินไทยและกำนันลี หรือ “โต สริน” ทหารกัมพูชา” ที่เข้ามายึดบ้านหนองจาน คือ ผู้อยู่ “เบื้องหลัง” ต้องใช้เวลามากกว่า 10 ปี และหากไม่เกิดเหตุทหารเขมรเปิดฉากยิงทหารไทย เมื่อวันที่ 24 ก.ค. เป็นเหตุให้ทหาร ชาวบ้าน เด็กเสียชีวิตในเขตแนวรบพระวิหาร 4 จังหวัด อุบลราชธานี สุรินทร์ ศรีษะเกษ และบุรีรัมย์
การกระชับแนวรบชายแดนภาคตะวันออก เพื่อการเอาพื้นที่คืนจากชาวกัมพูชาอพยพที่เข้ามาปักหลักยึดสร้างบ้าน 170 หลังคาเรือน ตั้งแต่ครั้งกองทัพเวียดนาม โค่นล้มระบอบเขมรแดง เมื่อปี 2522 ที่บ้านหนองจาน และโนนหมากมุ่น อ.ตาพระยา จ.ปราจีนบุรี เมื่อเกือบ 40 ปีที่แล้วคงยากที่จะเกิดขึ้น
“ผมยืนยันมาตลอดว่า บ้านหนองจาน โนนหมากมุ่น อยู่บนแผ่นดินไทย เราต้องให้เขมรออกไปให้หมด เพราะชาวบ้านไม่สามารถเข้าไปทำกินในพื้นที่มานานมาก ทั้ง ๆ ที่ต้องเสียภาษีที่ดินทุกปี พอวันนั้นผู้ว่าฯ สระแก้ว แถลงว่า ไม่มีเอกสารสิทธิแม้ในภายหลังจะขอโทษ ว่า เข้าใจผิดแต่ความเสียหายได้เกิดขึ้นแล้ว”
ดังนั้น เมื่อได้รับการประสานจากชาวบ้านให้ลงไปช่วยจึงเป็นที่มาของการแจ้งความเอาผิด กับผวจ.สระแก้วและแม่ทัพภาคที่ 1 ในข้อหา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ที่สภ.โคกสูง จ.สระแก้ว เพราะปัญหาดังกล่าวเกิดจากการปล่อยปละละเลยของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องถือเป็นความผิดสำเร็จ
29 ธ.ค. 2553 “วีระ” และพวก 7 คน สมาชิกของเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติและ”พนิต วิกิตเศรษฐ์”สส.ประชาธิปัตย์ ถูกจับกุมตัวขณะลงพื้นที่ตรวจสอบที่ได้รับเรื่องร้องเรียนว่าทหารกัมพูชารุกล้ำเข้ามาในเขตไทย ที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้ว
“วีระ” และพวกถูกศาลเขตพนมเปญตั้งข้อหา เดินทางข้ามพรมแดนโดยผิดกฎหมายและรุกล้ำเขตทหาร ต่อมาถูกแจ้งข้อหาเพิ่ม คือ จารกรรมข้อมูลเนื่องจากครอบครองอุปกรณ์กล้องบันทึกภาพและใช้อุปกรณ์ระหว่างการถูกจับกุม แม้จะปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยยืนยันว่า ขณะถูกจับกุมยังอยู่ในอาณาเขตไทย แต่ที่สุดศาลกัมพูชาคำสั่งจำคุกกว่า 3 ปี และถูกปล่อยตัวเมื่อปี 2557 ในยุค พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
“การแจ้งความ แม่ทัพภาค1 และผู้ว่าฯสระแก้ว ไม่มีมีเบื้องหน้า-เบื้องหลังอะไร ไม่ได้รับงานใครมา ใครมีหลักฐานก็เอามายืนยัน ผมลงพื้นที่เพราะชาวบ้านหลายสิบราย โทรมาขอความช่วยเหลือ เขาอยู่บนแผ่นดินไทยมีหลักฐานแสดง ทั้งเอกสารสิทธิ สค. 1 น.ส.2 แต่เข้าไปทำกินไม่ได้ที่ดินจุดที่เข้าไป วันนี้ไม่มีคนเขมรอยู่เป็นไร่อ้อย พื้นที่นาและป่า นานกว่า 10 ปี เจ้าของที่ตัวจริงเข้าไปทำกินไม่ได้ทหารเรากลัวว่าอาจจะมีการวางกับระเบิด ซึ่งจริง ๆไม่น่าจะมี ยกเว้น กรณีมีทหารเขมรเข้าลักลอบเข้ามาวางกับระเบิดใหม่ อันนี้ไม่แน่ ”
สาเหตุที่ต้องแจ้งความเอาผิดแม่ทัพภาคที่ 1 และผวจ.สระแก้ว วีระ บอกว่า ตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งทั้งสองได้ปล่อยปละละเลยให้เขมรบุกรุกเข้ามาทำกินและปลูกบ้านพักอาศัยในเขตพื้นที่บ้านหนองจาน ดังนั้นคดีจึงต้องเดินหน้าต่อ
นับจากนี้ ตำรวจต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้เสร็จภายใน 30 วัน เพื่อยื่นเอกสารและหลัก ฐานทั้งหมดให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณาว่าจะรับคดีไว้ทำเอง หรือส่งกลับมาให้ตำรวจดำเนินคดี โดยจะมีเวลาพิจารณา 30 วัน
ปัจจุบันที่ดินในเขตบ้านเขตบ้านหนองจานและโนนหมากมุ่น ถูกชาวเขมรบุกรุกเข้ามาอ้างสิทธิจำนวนกว่า 2,000 ไร่ กระจายอยู่บริเวณโดยรอบ มีข้อมูลจากชาวบ้านแจ้งว่า ขณะนี้ทางจ.สระแก้ว ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่ดินเข้ามารังวัดพื้นที่แล้ว เบื้องต้นจำนวน 8 แปลง
“ นางถิ่น โอปั่น เป็นเจ้าของที่ดินแปลงแรก เขาต้องการเอาคืนจาก นางรัตน์ เมียคนไทยของกำนันลี (ทหารกัมพูชา) เนื่องจากที่ดินตรงนี้ อยู่ใกล้กับถนนศรีเพ็ญมากที่สุด แต่ต้องยอมรับว่าการรังวัดที่ดินเพื่อออกโฉนด ไม่ง่าย คาดต้องใช้เวลานาน 3-6 เดือน” วีระ กล่าว
โดยระบุปัญหาที่เกิดขึ้นว่า กรณีการรังวัดที่ดินของ “นางถิ่น” เพื่อออกเอกสารสิทธิให้นั้น เจ้าหน้าที่ที่ดินจะต้องเข้าไปรังวัดที่ดินครบทั้ง 4 ด้านและผู้ที่ครอบครองที่ดินติดกันต้องไม่มีใครคัดค้านและมีระยะเวลาในการประกาศตามกฎหมายกำหนด 30 - 60 วัน
“หากไม่มีใครคัดค้านจึงจะสู่กระบวนการออกโฉนดได้ คือ การเข้าไปปักหมุดทุกด้านเสร็จ เพื่อออกมาเป็นโฉนดอย่างเร็วที่สุดคาดว่าอาจจะใช้เวลา 6 เดือนถึง 1 ปี ซึ่งไม่ใช่ว่าสามารถทำได้ทันที เพราะทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย”ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.) กล่าว
ส่วนบางจุดที่ไม่สามารถเข้าไปรังวัดที่ดินได้ แต่ทางผวจ.สระแก้ว ระบุว่า ต้องการให้เจ้าของที่ดินเดิมไปชี้แนว โดยใช้ภาพถ่ายทางอากาศหรือภาพถ่ายดาวเทียม หรือเป็นการออกโฉนดจากพิกัดดาวเทียมซึ่งการกระทำลักษณะนี้ยังไม่มีกฎหมายรองรับ
และเมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมาทางผวจ.สระแก้ว ได้ทำหนังสือแจ้งไปยังกรมที่ดินแล้วก็ตาม แต่ยังไม่มีหนังสือตอบมาเป็นลายลักษณ์อักษรว่าทำได้หรือไม่ เนื่องจากไทยไม่เคยทำลักษณะนี้มาก่อน จึงไม่ต่างจากการซื้อเวลา
“เชื่อว่ากรมที่ดิน คงต้องตอบว่า ทำไม่ได้ เพราะขั้นตอนการรังวัดที่ดิน เจ้าหน้าที่ต้องนำเครื่องไป วัดระยะทาง วัดมุมและองศา ดังนั้นจึงทำให้ที่ดินหนองจานยังมีปัญหาอยู่ ... คำสั่งที่ออกมาผมมองว่า เพื่อต้องการลดกระแสความไม่พอใจของชาวบ้านในพื้นที่เท่านั้น ทั้ง ๆที่ เป็นโอกาสของเราในการเอาพื้นที่คืน”
ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.) ย้ำว่า หากเจ้าหน้าที่ต้อง การจะเอาพื้นที่คืนให้คนไทยเพื่อให้เข้าไปทำมาหากินได้ตามปกติ โดยมีการล้อมรั้วลวดหนามกั้นแบ่งแยกอาณาเขตชัดเจนทั้ง 2 ฝ่าย เชื่อว่า ทำได้เพราะ ทางกองทัพภาคที่ 1 มีศักยภาพสูงมากกว่าทั้ง กำลังพลและอาวุธยุทโธปก รณ์ มีความพร้อมในทุกด้านมากกว่ากองทัพภาคที่ 2 เสียอีก
“ความแตกต่างทางสภาพภูมิประเทศ ไม่ใช่ปัญหา ฝั่งบ้านหนองจาน โนนหมากมุ่นของเรา เป็นพื้นที่ราบรบง่ายกว่ากว่าพื้นที่ทางเขาพระวิหาร แต่ที่ยังทำอะไรได้ไม่เด็ดขาด เพราะมีเรื่องผลประโยชน์ หรืออะไรหรือไม่ เพราะในพื้นที่มีการประกาศกฎอัยการแล้ว และผวจ.และทางจังหวัดสระแก้ว ก็กำลังดำเนินหน้าออกโฉนดที่ดินก็ต้องรอดูสถานการณ์ไปก่อน” วีระ กล่าว
และยืนยันว่า การเคลื่อนไหวที่ผ่านมาจะดูเฉพาะเรื่องหน้างาน และไม่เคยมีการเตะสกัด แม่ทัพภาค 1 เพื่อจะไม่ให้ขึ้นในตำแหน่งใด ไม่เกี่ยวกัน เราชาวบ้านธรรมดา จะมีอำนาจสั่งใครให้ก้างขึ้น หรือลงจากตำแหน่งได้
อ่านข่าว
จับกระแสการเมือง: “โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน” โหวต “อนุทิน” นั่งนายกฯ “ภูมิธรรม” จ่อยุบสภา
แง้มใจ แม่ทัพภาค 2 ทหารไม่ปฏิวัติ ปล่อยกลไก “การเมือง” จัดการ