ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ดีอี สั่งแก้ปัญหาคู่สาย AOC ไม่พอ ย้ำมาตรการระงับธุรกรรมการเงินจำกัดเฉพาะบช.ต้องสงสัย

อาชญากรรม
13:43
129
ดีอี สั่งแก้ปัญหาคู่สาย AOC ไม่พอ ย้ำมาตรการระงับธุรกรรมการเงินจำกัดเฉพาะบช.ต้องสงสัย
ปลัดดีอี ยืนยันมาตรการระงับธุรกรรมทางการเงินจำกัดเฉพาะวงเงินต้องสงสัยเอี่ยวอาชญากรรมออนไลน์ไม่ใช่การระงับทั้งบัญชี สั่งเร่งแก้ปัญหาคู่สาย AOC ไม่เพียงพอ

วันนี้ ( 14 ก.ย.2568) นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอี กล่าวภายหลังเป็นประธานประชุม ดีอี ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย สถาบันการเงิน ตำรวจกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บช.สอท.เกี่ยวกับมาตรการการอายัดบัญชี หลังมีผู้ถูกอายัดบัญชีที่สุ่มเสี่ยงเป็นบัญชีม้าถูกอายัดบัญชีเป็นจำนวนมากและกรณีนี้พบมีประชาชนทั่วไปได้รับความเดือดร้อน

โดยมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. เป็นผู้ร่วมสังเกตการณ์ โดยที่ประชุม ได้ถกเถียงกันในประเด็นการคัดกรองบัญชีว่าต้องใช้หลักเกณฑ์ใดในการแบ่งแยกประเภทระหว่างบัญชีทั่วไปและบัญชีม้ารวมถึงการสกัดกั้นบัญชีนั้นมีการตรวจสอบผ่านระบบใดและใครคือผู้มีอำนาจในการสรุปว่าบัญชีใดสมควรจะถูกอายัด ขณะเดียวกันยังได้หารือถึงแนวทางแก้ไขปัญหาโดยประชุมใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง

ปลัดดีอี กล่าวอีกว่า กรณีที่เกิดขึ้นเป็นกลไกที่นำมาใช้สำหรับติดตามช่วยผู้เสียหายที่ถูกกลุ่มคอลเซ็นเตอร์หลอกทำให้เจ้าหน้าที่สามารถระงับการใช้บัญชีชั่วคราวเพื่อไม่ให้มีการโอนเงินของผู้เสียหายต่อ โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่การอายัดเป็นเพียงการระงับการทำธุรกรรมชั่วคราวและเป็นการระงับวงเงินเฉพาะจำนวนที่ต้องสงสัยว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับเงินที่ได้จากกลุ่มอาชญากรทางออนไลน์ไม่ใช่การระงับการทำธุรกรรมทั้งหมดซึ่งหลังเกิดเหตุหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประสานงานผ่านศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์หรือ AOC เพื่อให้เร่งจำแนกบัญชีของบุคคลธรรมดาและกลุ่มบัญชีซึ่งเกี่ยวข้องกับขบวนการอาชญากรรมออนไลน์

โดยการตรวจสอบเจ้าหน้าที่จะมีการตรวจสอบเส้นทางการเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะมีข้อมูลทางการเงินตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ก็จะทำให้ทราบว่า บัญชีที่แจ้งมาเป็นบัญชีบุคคลทั่วไปหรือเป็นบัญชีม้าที่แอบอ้างแจ้งข้อมูลเพื่อหวังให้ธนาคารปลดล็อควงเงินหรือไม่ โดยเท่าที่ได้รับรายงานพบว่าขณะนี้มีผู้ได้รับผลกระทบแจ้งข้อมูลผ่านศูนย์ AOC ประมาณ 600-700 คน คาดว่าจะสามารถแก้ปัญหาของผู้แจ้งทั้งหมดได้ภายใน 24 ชั่วโมง

ส่วนปัญหาที่ได้รับแจ้งว่า การให้บริการผ่านศูนย์ AOC ติดขัดเนื่องจากมีคู่สายไม่เพียงพอนั้น เบื้องต้นได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งแก้ปัญหา รวมถึงประสานเจ้าหน้าที่จากสถาบันการเงินเข้ามาช่วยตรวจสอบเพื่อให้กระบวนการรวดเร็วยิ่งขึ้น ยืนยันการระงับธุรกรรมลักษณะนี้เป็นคนละส่วนกับการอายัดบัญชีที่ตำรวจและปปง. ดำเนินการ พร้อมกำชับให้ผู้เสียหายประสานข้อมูลผ่าน สายด่วน AOC โดยตรงเพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มคอลเซนเตอร์อาศัยสถานการณ์ดังกล่าวสวมรอยอ้างเป็นเจ้าหน้าที่โทรหา เพราะศูนย์ฯไม่มีนโยบายโทรหาผู้เสียหายก่อน

“วันนี้ที่ประชุมมีมติให้สร้างกลไกตรวจสอบเพื่อเพิกถอนการทำธุรกรรมผ่านบัญชีซึ่งถูกล็อกไว้ชั่วคราว สำหรับแยกบุคคลทั่วไปกับผู้ที่กระทำความผิดแล้วแอบอ้างเข้ามาในระบบ AOC”

อ่านข่าว:

แม่ร้อง ตร.ไซเบอร์ ลูกชายถูกหลอกไปเป็นแก๊งคอลเซนเตอร์ที่กัมพูชา

ธปท.นัดถก 14 ก.ย. ปรับแนวทางอายัดบัญชี บรรเทาผลกระทบ ปชช.สุจริต

 “ศุภจี สุธรรมพันธุ์” ว่าที่ รมว.พาณิชย์ ชี้เศรษฐกิจไทยต้องเดินหน้า รอช้าไม่ได้