วันอาทิตย์นี้ (21 ก.ย.2568) น่าจะกลายเป็นบททดสอบสำคัญของรัฐบาลฟิลิปปินส์ภายใต้การนำของเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ หรือ บองบอง หลังจากปัญหาการทุจริต จุดชนวนให้ประชาชนออกมาเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ ซึ่งตรงกับวันประกาศกฎอัยการศึกในสมัยมาร์กอส ผู้พ่อ เมื่อ 53 ปีที่แล้วพอดี และรัฐบาลชุดดังกล่าวถูกโค่นล้มด้วยพลังของประชาชน
ผู้นำฟิลิปปินส์จัดงานแถลงข่าวเมื่อวานนี้ (15 ก.ย.) แสดงความเข้าอกเข้าใจประชาชนที่จะออกมาเดินขบวนประท้วง โดยระบุว่า ความโกรธแค้นของประชาชนต่อปัญหาการทุจริตในประเทศเป็นเรื่องที่ชอบธรรมและเข้าใจได้ แต่ก็ขอให้ประท้วงกันอย่างสันติ
นอกจากนี้ยังย้ำว่า รัฐบาลจะเดินหน้าสอบสวนความผิดปกติในโครงการก่อสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานเพื่อป้องกันน้ำท่วมของภาครัฐทั่วประเทศ แบบไม่ไว้หน้าใคร ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ครอบครัว หรือใครหน้าไหนก็ตาม หลังจาก Martin Romualdez ประธานสภาผู้แทนราษฎร ลูกพี่ลูกน้องของบองบอง ถูกกล่าวหาว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตในโครงการป้องกันน้ำท่วมด้วย

เป็นที่น่าสังเกตว่า การออกมาแสดงจุดยืนเช่นนี้ของผู้นำฟิลิปปินส์ จะมีจุดประสงค์เพื่อหวังลดทอนกระแสความไม่พอใจของประชาชนหรือไม่ หลังจากการประท้วงในเนปาลและอินโดนีเซียลุกลามกลายเป็นเหตุรุนแรง
ฟิลิปปินส์เผชิญภัยธรรมชาติบ่อยครั้ง โดยเฉพาะน้ำท่วม ดังนั้น การป้องกันน้ำท่วมจึงเป็นหนึ่งในนโยบายที่รัฐบาล ทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่น อัดฉีดงบประมาณเข้าไปสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ค่อนข้างสูงในแต่ละปี อย่างในยุคของบองบอง ในช่วง 3 ปีแรก ฟิลิปปินส์มีโครงการป้องกันน้ำท่วม 9,855 โครงการ มูลค่ามากกว่า 540,000 ล้านเปโซ หรือกว่า 303,000 ล้านบาท

แต่จากการตรวจสอบตามคำสั่งของบองบองหลังเรื่องทุจริตแดงออกมาแล้ว พบว่า ในจำนวนนี้ 6,000 กว่าโครงการ ไม่ได้ระบุรายละเอียดว่า ขอเงินไปใช้สร้างหรือซ่อมอะไรกันแน่ ซึ่งงบสูงกว่า 350,000 ล้านเปโซ หรือเกือบ ๆ 200,000 ล้านบาท แต่ที่น่าตกใจยิ่งไปกว่านั้น ก็คือ บางโครงการเป็นโครงการผี ที่ตั้งงบมาขอเงินเอาดื้อ ๆ ระบุว่าสร้างเสร็จแล้วและเจ้าหน้าที่ตรวจรับงานไปแล้วด้วย แต่เมื่อลงไปตรวจสอบ กลับไม่พบสิ่งปลูกสร้างใด ๆ ให้เห็น
บองบองขยับตัวจัดการคดีนี้อย่างจริงจังตั้งแต่วันประกาศนโยบายประจำปี เมื่อเดือนกรกฎาคม หลังกระแสข่าวเรื่องการทุจริตดังมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างและอดีตวิศวกรกระทรวงโยธาธิการและทางหลวงฟิลิปปินส์ ระบุว่า มีสมาชิกสภาและเจ้าหน้าที่รัฐอย่างน้อย 28 คน เกี่ยวข้องกับการทุจริตโครงการป้องกันน้ำท่วม โดยเรียกรับเงินร้อยละ 10-25 ของโครงการ
ความร้ายแรงของปัญหา ทำให้ผู้นำฟิลิปปินส์ประกาศจัดตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อมาตรวจสอบโครงการลักษณะนี้ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้จะมีอำนาจในการสอบสวนได้อย่างเต็มที่ ทั้งการสอบปากคำ การเก็บหลักฐาน การประเมินข้อมูลรายงานและอาจขอให้มีการยึด หรืออายัดทรัพย์สินของผู้ต้องสงสัยที่อาจเกี่ยวข้องกับการทุจริตได้ด้วย
การทุจริตเป็นปัญหาเรื้อรังที่เกาะกินหลายประเทศมาช้านาน ซึ่งสถานการณ์ในอาเซียนไม่สู้ดีนักในหลายประเทศ อย่างเมียนมา มีคะแนนการรับรู้การทุจริต 16 คะแนน จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน โดยอยู่ในอันดับที่ 168 จากทั้งหมด 180 ประเทศทั่วโลก นั่นหมายความว่า ปัญหาการทุจริตในเมียนมารุนแรงมากทีเดียว
กัมพูชาอยู่ในอันดับที่ 158 ขณะที่ลาวกับฟิลิปปินส์อยู่ในอันดับเดียวกัน ส่วนไทยได้ 34 คะแนน อยู่ในอันดับที่ 107 เท่ากับเนปาล แต่น้อยกว่าอีก 5 ชาติอาเซียน อย่างสิงคโปร์คะแนนสูงติดอันดับ 3 ของโลก นั่นหมายความว่า ชาวสิงคโปร์แทบไม่รู้สึกเลยว่ามีปัญหาการทุจริตในประเทศ ตามมาด้วยบรูไน มาเลเซีย เวียดนามและอินโดนีเซีย

เมื่อต้นเดือนกันยายน หน่วยงานที่ดูแลด้านงบประมาณของฟิลิปปินส์ ประเมินว่า มูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งเกิดจากการทุจริตในโครงการป้องกันน้ำท่วมระหว่างปี 2566 - 2568 อาจมีมูลค่าสูงถึง 118,500 ล้านเปโซ
ขณะที่บริษัทรับเหมาก่อสร้างที่อยู่ในเรดาร์ของทีมสอบสวนมีอย่างน้อย 15 บริษัท จากทั้งหมดมากกว่า 2,400 บริษัทที่มีโครงการกับภาครัฐ โดย 15 บริษัทนี้ทำสัญญากับภาครัฐ มูลค่ารวม 100,000 ล้านเปโซ หรือประมาณ 1 ใน 5 ของงบประมาณในโครงการป้องกันน้ำท่วมทั้งหมด และพบว่า สมาชิกสภาอย่างน้อย 18 คน มีชื่อเป็นเจ้าของ หรือมี connection กับบริษัทที่ทำสัญญากับภาครัฐด้วย
อีกหนึ่งจุดผิดปกติ ที่ถูกจับสังเกตได้ คือ โครงการป้องกันน้ำท่วมหลายโครงการกลับไม่ได้เป็นโครงการในพื้นที่ที่เสี่ยงเกิดน้ำท่วม หรือมีน้ำท่วมซ้ำซาก ขณะที่ความร้อนแรงของปัญหานี้ทำให้ผู้นำฟิลิปปินส์ต้องสั่งยกเลิกโครงการป้องกันน้ำท่วมทั้งหมดของปี 2569 และโยกงบไปใช้ในงานส่วนอื่น ๆ ที่จำเป็น เช่น ภาคการศึกษา สาธารณสุขและเกษตรกรรม ต้องรอดูว่า เรื่องการทุจริตนี้จะเป็นแค่ไฟไหม้ฟาง มาแรงแต่มอดเร็วหรือไม่

วิเคราะห์ : ทิพย์ตะวัน ธีรนัยพงศ์
อ่านข่าวอื่น :
"เนปาล" ตั้ง ครม.รักษาการ ปูทางเลือกตั้งในอีก 6 เดือน
"ทรัมป์" เตรียมคุย "สี จิ้นผิง" หลังสหรัฐฯ-จีน บรรลุกรอบข้อตกลง TikTok