นับจากเจรจาหยุดยิงไทย-กัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 28 ก.ค.2568 พื้นที่รอยต่อชายแดนไทย-กัมพูชา 7 จังหวัด ตั้งแต่แนวรบพระวิหาร ถึงปัจจุบันเขมรยังป่วนไม่เลิก มีการละเมิดข้อหยุดยิง และยั่วยุ สารพัดรูปแบบ ทั้งลักลอบวางระเบิดทุ่นสังหาร PMN-2 ส่วนแนวรบตาพระยา ทหารกัมพูชา ขนชาวบ้าน เด็ก พระ ใช้ก้อนหิน ท่อนไม้ ขว้างปา ตำรวจไทย และบุกเข้ามารื้อ ขโมยรั้วลวดหนาม หวังให้ไทยเปิดปฏิบัติการ ซึ่งไม่ผิดหวัง เจอมาตรการตอบโต้ หลังจากอดทนมากว่าเดือนครึ่ง
โดยทางการไทยได้ใช้มาตรการควบคุมฝูงชน ตอบโต้มวลชนเขมรจากเบาไปหาหนักของไทย ด้วยการส่งด่วน แก๊สน้ำตา และกระสุนยาง ทำให้ชาวเขมรถอยร่นไม่เป็นขบวน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไทย 4 นาย ต่างได้รับบาดเจ็บตามจุดต่างๆ ของร่างกาย เช่น บริเวณหน้าผาก หางคิ้ว และขา คือ พ.ต.ท.สมัชญ์ นาคพน รอง ผกก. ฝ่ายสืบสวน สภ.คลองลึก และ ดต. ศักดิ์สิทธิ์ นพเกล้า จาก สภ.คลองลึก พร้อม จ.ส.ต.ชยันต์ เบ้าทอง และ ด.ต.แสงอรุณ ศรีวงศ์จันทร์จาก สภ. อรัญประเทศ
หลังเกิดเหตุไม่นาน "ฮุน มาเนต" นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกแถลงการณ์ทันที โดยเรียกร้องให้เวทีโลกเข้าช่วยเหลือ และได้เร่งพาคณะ IOT ลงพื้นที่เมื่อช่วงค่ำวาน (17 ก.ย.2568) อ้างว่า ไทยบุกรุกใช้กำลังโจมตี

ขณะที่ นาย สม รังสี อดีตผู้นำฝ่ายค้านกัมพูชา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ประณามการกระทำของทหารไทย ในการหยุดยั้งการชุมนุม ที่หมู่บ้านเปรยจันทร์ ชุมชนออบีจันทร์ จ.บันเตียเมียนเจย โดยระบุว่ามี พระ ทหาร และประชาชนชาวเขมรได้รับบาดเจ็บและหมดสติ หลังทหารไทยและตำรวจติดอาวุธโล่ ไม้ และปืนใช้แก๊สน้ำ ระเบิดและกระสุนพลาสติกยิงใส่ชาวเขมรที่ประท้วง เพื่อป้องกันการกระจายอีกครั้งในหมู่บ้านเปรยจันทร์ จ.บันเตียเมียนเจย
สภาต่อต้านแห่งชาติกัมพูชา (CNRC) ประณามการกระทำของไทยต่อพระสงฆ์ ทหาร และชาวกัมพูชา และเรียกร้องให้หยุดการใช้ความรุนแรงต่อประชาชนเขมรและการบุกรุกอาณาเขตกัมพูชาทันที รวมทั้งขอให้รัฐบาลกรุงพนมเปญนำคดีนี้ไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) อย่างเป็นทางการ และเข้าพบผู้ลงนามของ Paris Peace Accord เพื่อไขปัญหาการยุติความรุนแรงนี้
ด้าน สำนักข่าว ขแมร์ ไทม์ส ของกัมพูชา รายงานวันนี้ (18 ก.ย.2568) ว่า พล.ท.หญิง มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมของกัมพูชา ระบุเหตุการณ์การปะทะระหว่างทหารไทยกับเจ้าหน้าที่และพลเรือนชาวกัมพูชาที่บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว ประเทศไทย (ซึ่งกัมพูชาอ้างว่าเป็นพื้นที่ของกัมพูชา) มีชาวกัมพูชา 28 คน ทั้งพลเรือนและพระสงฆ์ ได้รับบาดเจ็บทั้งเล็กน้อยและสาหัส
การกระทำของพลเรือนชาวกัมพูชา มาจากความกังวลเรื่องที่ไทยกั้นรั้วกั้นดินแดนกัมพูชา และพวกเขาต้องการที่จะปกป้องดินแดนที่พวกเขาครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายมาเป็นเวลาหลายปี

โฆษกกลาโหมกัมพูชาอ้างว่า การกระทำของฝ่ายไทยเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป กัมพูชา-ไทย (GBC) และคณะกรรมการชายแดนระดับภูมิภาค (RBC) และประเทศไทยบังคับใช้กฎอัยการศึกและกฎหมายภายในประเทศภายในดินแดนกัมพูชา ซึ่งถือว่าเป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตยของกัมพูชา และกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง รวมถึงกฎบัตรสหประชาชาติ กฎบัตรอาเซียน และสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ถือเป็นฉากการละครของฝั่งกัมพูชาที่ขับเคลื่อนและรับลูกอย่างต่อเนื่อง หลังข้อมูลจากเพจกองทัพบก ทันกระแส ระบุว่า “อุม เรียเตรย” ผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย เป็นผู้บงการชาวบ้านให้รื้อลวดหนามไทย หลังเสร็จจากการประชุมกับ “ปริญญา โพธิสัตย์” ผู้ว่าฯ สระแก้ว เมื่อวานนี้ (17 ก.ย. 2568) โดย “อุม เรียเตรย” จะปรากฏตัวทุกครั้งที่ชาวเขมรมีการรวมตัว
ข้อมูลจากเพจชุมชนคนสุรินทร์ โพสต์หลักฐาน ภาพถ่ายของนักข่าว Jack Dunford ช่วงที่เขมรอพยพเข้ามาลี้ภัยสงครามในไทย (ที่ไม่ได้อยู่ในศูนย์ "ไซต์ทู" Site 2 บริเวณบ้านหนองจาน) แต่แยกตัวมาตั้งค่ายข้างนอกบริเวณ บ้านหนองหญ้าแก้ว ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ของไทย ปี 1983 เมื่อ 42 ปีที่แล้ว ปัจจุบันนี้เขมรอ้างว่าเป็นดินแดน บ้านปรีย์จัน ต.โอรเบยเจือน อ.โอรจะเรา จ.บ็อนเตียย์เมียนเจ็ย

ด้าน พล.ต.สุรวิชญ์ แดงจันทร์ เสนาธิการกองทัพภาคที่ 1 และโฆษกกองทัพภาคที่ 1 แถลงพร้อมบังคับใช้กฎหมายเข้มข้น และจะใช้กำลังตำรวจ พร้อมจับกุมขึ้นรถผู้ต้องหากัมพูชาเข้าดำเนินคดีฝั่งไทย โดยไม่ใช้กำลังทหาร เพราะทหารจะไว้สู้กับทหารเท่านั้น
"ฝั่งเขมรหวังสร้างละคร ทหารไทยทำร้ายชาวเขมร เลิกเล่นละครได้แล้ว อย่าให้ข้อตกลงการประชุม GBC และ RBC เป็นเพียงกระดาษเปล่า และไทยไม่หวั่นไหวอะไร ...เราเป็นผู้ใหญ่ใจดีมามากแล้ว ตลอดเวลา 30-40 ปี ที่ผ่านมา เราชวนให้อยู่กันแบบอารยะ ในฐานะประเทศ บ้านใกล้เรือนเคียง มีความสุขไปร่วมกัน เราชวนให้อยู่ในกติกา แต่ท่านก็อยู่นอกกติกาอย่างต่อเนื่อง"

โฆษกกองทัพภาคที่ 1 ได้ตั้งคำถามต่อ ทหารกัมพูชาว่า แทนที่จะช่วยป้องกันประชาชนแต่พบว่าช่วยดึงช่วยรื้อ เมื่อตกลงกันแล้วว่าแนวลวดหนามที่วางอยู่ตรงไหน อยู่ตรงนั้น นอกจากไม่ช่วยห้ามปรามแล้ว ยังผสมโรง ขออย่ามายั่วยุ และควรเลิกยืนอยู่ข้างหลังผู้หญิงได้แล้ว
อย่างไรก็ตาม ช่วงบ่ายวันนี้ (18 ก.ย.2568) ชาวเขมรก็ยังไม่เลิกราก่อหวอด แหกทุกกฎกติกาขนมวลชนเข้าที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ละเมิดข้อตกลงเจรจาหยุดยิง ทำให้ "ปริญญา" ผู้ว่าฯ สระแก้ว ต้องงัดไม้แข็งมาใช้
หากตกลงกันไม่ได้ภายใต้กลไก GBC สมัยพิเศษ ครั้งต่อไปจะมีหนังสือแจ้ง จ.บันเตียเมียนเจย ให้ราษฎรที่อยู่นอกเส้นอ้างสิทธิที่รุกล้ำเข้ามาในอธิปไตยไทย ให้ย้ายออกจากพื้นที่ พร้อมทรัพย์สินและสังหาริมทรัพย์บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง ภายใน 30 วัน

นับแต่วันที่จังหวัดสระแก้วมีหนังสือแจ้ง หากไม่ออกจากพื้นที่ดังกล่าว จ.สระแก้วจะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายของราชอาณาจักรไทยต่อไป โดยสัปดาห์หน้า ระหว่างวันที่ 24-25 ก.ย.2568 จะมีการประชุม RBC นัดพิเศษที่เมืองปอยเปต กัมพูชา ภายใต้กรอบกติกาหารือ แผนการเก็บกู้ทุ่นระเบิด การแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ การจัดระเบียบพื้นที่ชายแดน
โดยเฉพาะพื้นที่ทำกิน ซึ่งต้องจับตาว่า กัมพูชาจะใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไร ที่จะรุกเข้ามาที่ "บ้านหนองหญ้าแก้ว-บ้านหนองจาน" เขตอธิปไตยของไทย เนื่องจากชายแดน ด้าน จ.สระแก้ว มีพื้นที่อ้างสิทธิ์ถึง 8 จุด และไทยต้องเร่งปิดจบให้เด็ดขาด เพื่อป้องกันปัญหาเขมรการละครในครั้งต่อไป
อ่านข่าว :
เสธ.ทภ.1 ซัดกัมพูชาเลิกเล่นละคร ใช้เด็ก-ผู้หญิง ยั่วยุบ้านหนองหญ้าแก้ว
แท็กที่เกี่ยวข้อง: