พรรคภูมิใจไทยในบทบาทพรรคแกนนำรัฐบาล ที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี กำลังเนื้อหอมสุด ๆ เพราะมีทั้งอำนาจ การขับเคลื่อนโครงการที่มีงบประมาณ ปี 2569 พร้อม มีกลไกและข้าราชการพร้อมเป็นเครืองมือให้ และเป็นคู่แข่งทางการเมืองในขั้วอนุรักษ์นิยมด้วยกัน
ส่วนพรรคประชาชน แม้จะเป็นฝ่ายค้านด้วยกัน แต่เป็นคนละพวก เพราะเป็นขั้วเสรีนิยม นโยบายหลายอย่างสวนทางกันชัดเจน หนำซ้ำ เป็นพรรคที่ผลสำรวจตามโพลหลายสำนัก คะแนนนิยมนำหน้า เข้าเวทีเลือกตั้งเมื่อไหร่ โอกาสชนะเข้าป้ายมีมากกว่า
ส่งผลให้ สส.ในพรรคเพื่อไทย เกิดอาการหวั่นไหว จ้องจะย้ายหาพรรคใหม่สังกัด ยิ่งผู้นำทางจิตวิญาณที่เชื่อกันมาตลอดว่า มีบารมีทางการเมือง และมี “ดีลลับพิเศษ” ทำให้มีอำนาจต่อรองบางอย่างได้อยู่ ตอนนี้กลับต้องไปรับโทษในเรือนจำ
จึงได้เห็น 3 เหตุการณ์เกิดขึ้น ตั้งแต่คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร หรือคุณหญิงอ้อ อดีตภริยานายทักษิณ พาลูกๆ และเขยไปเยี่ยมนายทักษิณที่เรือนจำกลางคลองเปรม ทั้งที่ไม่ค่อยออกงานให้คนเห็นบ่อยนัก ก่อนที่วันถัดมา คุณหญิงอ้อจะไปปรากฏตัวทักทายให้กำลังใจ สส.ในการประชุมพรรค เพื่อให้สู้ ๆ
ตามด้วยนายภูมิธรรม เวชยชัย แกนนำพรรค และคนสายตรงนายทักษิณ เปิดชื่อนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ สามี น.ส.พินทองทา ลูกสาวคนกลางของนายทักษิณ เป็นแคนดิเดตนายกฯ กลาย ๆ ทำนองขอความเห็นจากแฟนคลับของพรรคว่า เหมาะสมจะเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ หากมีคนนิยมมาก จะไปขอตัวจากคุณหญิงอ้อ
และฉากสุดท้าย คือนายณัฐพงศ์ ให้สัมภาษณ์สื่อสั้น ๆ ว่า ยังไม่คิดเรื่อง (เข้าสู่การเมือง) นี้
แต่กลับได้เห็นนายณัฐพงศ์ ไปยืนเป็นแบ๊คอัพให้กับ น.ส.แพทองธาร ระหว่างให้สัมภาษณ์สื่อเรื่องเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ทั้งยังถูกตีความจากกูรูทางการเมืองหลายคนว่า คำตอบที่ว่า ไม่ใช่เป็นการปฏิเสธว่า จะไม่เข้าสู่เวทีการเมือง เพียงแต่ขณะนี้ ยังไม่ได้คิด แต่ในเวลาต่อไป อาจจะคิดก็ได้
3 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกี่ยวเนื่องกัน จึงถูกมองว่า เพื่อภารกิจสำคัญ คือสกัด “เลือดไหลออก” จากพรรคเพื่อไทย อันเป็นเรื่องเร่งด่วน เพราะสามารถแปลงเป็นนัยทางการเมืองได้ว่า คุณหญิงอ้อ พร้อมจะเดินเคียงข้างกับพรรคเพื่อไทย ไม่ทอดทิ้งกัน ในช่วงเวลาที่นายทักษิณยังติดคุกอยู่ และพรรคเพื่อไทย ยังมีตัวเลือกสำหรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่เป็นคนรุ่นใหม่ ไฟแรง มีวินัยทัศน์ อย่างนายณัฐพงศ์ อีก 1 คน
ยิ่งหากดูโปรไฟล์ยิ่งไม่ธรรมดา จบสถาปัตย์ฯ จุฬาฯ จบปริญญาโทจากสหรัฐฯ ผ่านการบริหารธุรกิจทั้งเสื้อผ้าส่งออก และอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัว ก่อนจะเข้าสู่อาณาจักรใหญ่อย่าง เอสซี แอสเซท ซึ่งเป็นธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของตระกูลชินวัตร ที่เขาเป็นลูกเขย และอยู่ในตำแหน่ง ซีอีโอ หรือประธานเจ้าหน้าที่บริหารในปัจจุบัน ไม่เพียงเท่านั้น บุคลิกยังดูดี หน้าตามีเสน่ห์ เข้ากับยุคสมัย แบบ “พิมพ์นิยม”
หากเปิดตัวในฐานะแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยเมื่อไหร่ พอฟัดพอเหวี่ยงสู้กับนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หรือ “หัวหน้าเท้ง” จากพรรคประชาชน ได้สบายๆ หนำซ้ำ ยังไม่มีประวัติเสื่อมเสีย แต่นำพาธุรกิจเติบโตต่อเนื่อง
ขณะที่ “หัวหน้าเท้ง” เมื่อเข้าสู่เวทีการเมือง และมีตำแหน่งทั้งเป็นหัวหน้าพรรค และผู้นำฝ่ายค้านในสภา ย่อมต้องตกเป็นเป้าถูกวิพากษ์วิจารณ์ ล่าสุด คือการไปทำ MOA หนุนนายอนุทินเป็นนายกฯ 4 เดือน แทนที่จะเลือกหนุนพรรคเพื่อไทย ที่ประกาศยุบสภาทันทีที่รัฐบาลแถลงนโยบายเสร็จ ในสถานการณ์ที่หลายฝ่ายเห็นตรงว่า การยุบสภาเป็นทางออกที่เหมาะสมที่สุด
นอกจากนี้ การสนับสนุนนายอนุทินตั้งรัฐบาล ยังนำไปสู่เรื่องแต่งตั้งรัฐมนตรีที่อาจขาดคุณสมบัติ และหลายคน ถูกตั้งคำถามถึงความเหมาะสมและเรื่องเชิงลบในอดีต
การขยับของพรรคเพื่อไทย และเปิดประเด็นชูทางเลือกใหม่อย่างนายณัฐพงศ์ เท่ากับแสดงถึงความพร้อมตลอดเวลาของพรรค และไม่ยอมอยู่นิ่งเฉย ปล่อยให้ทั้งพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชน เดินหน้าสร้างผลงานเรียกคะแนนในช่วงที่พรรคเพื่อไทยกำลังเจอกับวิกฤต
เป็นกลเกมการเมืองที่คนระดับ “เก๋าเกม” แม้จะเว้นช่วงต้องไปอยู่ในคุก แต่อ่านขาด
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส
อ่านข่าว : ทบ.แถลงบ่ายนี้ ปมบ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว กัมพูชาล้ำ 200 ม.
ผบ.ทร.แจงกาสิโน "กัมพูชา" ล้ำพื้นที่ไทย รอเจรจาทุบทิ้ง-รื้อบางส่วน
ผบ.เหล่าทัพเห็นชอบ "ปิดด่าน" จนกว่ากัมพูชาไม่เป็นภัยคุกคามไทย