ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ส.ธนาคารไทย ชี้ 3 อุปสรรค ฉุด เศรษฐกิจโตต่ำสุดในอาเซียน

เศรษฐกิจ
17:05
85
ส.ธนาคารไทย ชี้ 3 อุปสรรค ฉุด เศรษฐกิจโตต่ำสุดในอาเซียน
ประธานสมาคมธนาคารไทย ชี้ 3 อุปสรรคและท้าทาย ฉุดเศรษฐกิจไทยเติบโตต่ำกว่ากลุ่มอาเซียน ชูแพลตฟอร์ม Reinvent Thailand ผนึกภาครัฐ-เอกชน ขับเคลื่อนอนาคตไทยยั่งยืน

วันนี้ (19 ก.ย.2568) นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย  ว่า เศรษฐกิจไทยเติบโตต่ำกว่ากลุ่มอาเซียน กลุ่มตะวันออกกลาง จีน และอินเดีย และยังเผชิญความไม่แน่นอนสูง จากอุปสรรคและความท้าทายใน 3 ด้าน คือ โครงสร้างเศรษฐกิจเปราะบางและความเหลื่อมล้ำสูง คนไทยเพียง 10% ที่มีรายได้สูงสุด ครองสัดส่วนรายได้กว่า 52% ของประเทศ

นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย

นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย

นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย

ขณะที่ธุรกิจขนาดใหญ่เพียง 1% มีบทบาทต่อ GDP มากถึง 65% ประเทศไทยยังมีเศรษฐกิจนอกระบบสูงเป็นลำดับต้นๆ ในเอเชียที่ราว 48% ของ GDP ทำให้รัฐจัดเก็บภาษีได้จำกัดและส่งเสริมการพัฒนาได้ไม่ทั่วถึง อีกทั้ง หนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง เมื่อรวมหนี้นอกระบบ เกิน 100% ของ GDP กระทบการบริโภคและการลงทุนในอนาคต

ในขณะที่ขีดความสามารถในการแข่งขันลดลง การผลิตส่วนใหญ่ยังสร้างมูลค่าเพิ่มได้น้อย ศักยภาพแรงงานยังไม่สอดคล้องกับเศรษฐกิจยุคดิจิทัล และอาจมีการว่างงานแฝงจำนวนมาก โดยเฉพาะในภาคเกษตร นอกจากนี้ การลงทุนต่ำเพียง 23% ของ GDP ลดลงจาก 41% ก่อนวิกฤตปี 2540 ขณะเดียวกันการลงทุนด้าน ESG ไม่เพียงพอ ท่ามกลางกระแสโลกที่เร่งก้าวสู่ Green Economy

และสุดท้ายคือ ความท้าทายของภาครัฐ มีกฎระเบียบจำนวนมากถึงกว่า 100,000 ฉบับ บางส่วนล้าสมัยและซ้ำซ้อน การคลังอยู่ในภาวะตึงตัว ขณะที่รายจ่ายด้านสวัสดิการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดย IMF ชี้ว่าหนี้สาธารณะของไทยค่อนข้างสูงเทียบกับประเทศอื่นที่มีระดับการพัฒนาใกล้เคียงกัน รวมถึงแนะนำให้ไทยเพิ่มความระมัดระวังในด้านการคลังเพื่อความมั่นคงระยะยาว

ทั้งนี้ เพื่อให้เศรษฐกิจไทยและทุกภาคส่วนเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืนท่ามกลางความท้าทาย จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ ด้วยวิธีคิดและรูปแบบใหม่ๆ โดยอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ได้หารือกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.), สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)เพื่อหาทางออกของประเทศ จากผลกระทบเชิงโครงสร้างและนโยบายการค้าสหรัฐฯ

นำไปสู่การพัฒนาแพลตฟอร์ม Reinvent Thailand – A Platform for Policy Co-Creation and Execution ซึ่งเป็นเวทีร่วมสร้างอนาคตประเทศไทยอย่างยั่งยืน เน้นการมีส่วนร่วม ออกแบบและขับเคลื่อนนโยบายที่ปฏิบัติได้จริง ใช้ข้อมูล (Data-Driven) และผลลัพธ์เป็นตัววัด (Result-Oriented) เพื่อพลิกฟื้นศักยภาพการแข่งขันและใช้เป็น เข็มทิศให้กับทุกรัฐบาล

โครงการนี้ จะผลักดันนโยบายเร่งด่วน 2 เรื่องสำคัญ คือ การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน ผ่านการบูรณาการข้อมูลและขยายการเข้าถึงสินเชื่อในระบบ เพื่อลดการพึ่งพาหนี้นอกระบบ และ การเพิ่มขีดความสามารถของภาคเอกชน ด้วยการลงทุนเทคโนโลยี สร้างห่วงโซ่อุปทานในประเทศ ยกระดับทักษะแรงงานและการจ้างงานคนไทย สร้างมาตรฐานสิ่งแวดล้อมที่แข่งขันได้ พร้อมมาตรการจูงใจจากรัฐ เช่น สิทธิพิเศษในการจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อสร้างตลาดใหม่อย่างยั่งยืน

Reinvent Thailand ถือเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจัง ที่ไม่ใช่เพียงการขอให้ภาครัฐช่วยเหลือ แต่เป็นการสร้างความร่วมมือของทุกภาคส่วน โดยยึดหลัก “Doing Well by Doing Good” สร้างมูลค่าทางธุรกิจ และสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจ

ขณะที่มุ่งเน้นการขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม การวิจัยและพัฒนา (R&D) ส่งเสริมการลงทุนที่นำไปสู่การยกระดับผลิตภาพ และจัดลำดับความสำคัญในการจัดสรรทรัพยากรใหม่สู่ภาคส่วนที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับระบบเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้ให้กับประชาชนและ SMEs โดยแพลตฟอร์มนี้ เปิดกว้างให้ทุกคนมีส่วนร่วมเสนอแนวทาง ร่วมกันออกแบบอนาคตเศรษฐกิจไทย ให้เติบโตต่อเนื่องและยั่งยืน

อ่านข่าว:

แบงก์ชาติ เผยปี65 คนไทยเสียเงิน ภัยออนไลน์เกือบแสนล้าน รู้ตัวช้าเกิน18 ชม.

กยศ. เผยปี68 ปล่อยกู้กว่า 3.7 หมื่นล้าน ช่วยนร.-นศ.ขาดแคลนทุนกว่า 8.5 แสนราย

เฟดลดดอกเบี้ย 0.25% ส่งสัญญาณลดอีก 2 ครั้งในปีนี้ แม้เงินเฟ้อยังคงสูง