ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

หญิงวัย 45 วูบกลางงานวิ่งก่อนเสียชีวิต หมอคาดหัวใจล้มเหลว

อาชญากรรม
07:56
164
หญิงวัย 45 วูบกลางงานวิ่งก่อนเสียชีวิต หมอคาดหัวใจล้มเหลว
เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลวัย 45 ปี หมดสติระหว่างวิ่งมินิมาราธอนที่ จ.นครพนม ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา แพทย์สันนิษฐานเบื้องต้นเกิดจากภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน

เมื่อวันที่ 21 ก.ย.2568 เหตุการณ์หญิงวัย 45 ปี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลเต่างอย จ.สกลนคร หมดสติระหว่างเข้าร่วมกิจกรรมวิ่งมินิมาราธอนริมฝั่งแม่น้ำโขง ระยะทาง 20 กิโลเมตร และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

กิจกรรมครั้งนี้มีนักวิ่งเข้าร่วมจำนวนมาก แบ่งการแข่งขันเป็น 3 ระยะ ได้แก่ 4, 10 และ 20 กิโลเมตร มีการปล่อยตัวตั้งแต่เวลา 04.00 น. โดยเหตุการณ์เกิดบริเวณกิโลเมตรที่ 18 ก่อนถึงเส้นชัย 2 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวหมดสติและไม่มีชีพจร โดยเจ้าหน้าที่กู้ชีพ 1669 โรงพยาบาลนครพนมเข้าช่วยเหลือด้วยการปั๊มหัวใจและนำส่งโรงพยาบาล แต่ไม่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้ บื้องต้นแพทย์สันนิษฐานว่าเกิดจากภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน

สามีของผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เดินทางมาที่โรงพยาบาลทันทีหลังทราบเหตุ โดยครอบครัวระบุว่า ผู้เสียชีวิตมีโรคประจำตัวเป็นไทรอยด์ เดินทางมาร่วมกิจกรรมพร้อมเพื่อนนักวิ่งรวม 9 คน และเข้าพักที่โรงแรมในตัวเมืองนครพนม 1 คืนก่อนวิ่ง ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าพักผ่อนไม่เพียงพอ

ขณะที่ว่าที่ ร.ต.รวยรุ่ง ใครบุตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เดินทางมาให้กำลังใจครอบครัว พร้อมยืนยันว่าผู้จัดงานมีทีมแพทย์และพยาบาลประจำการดูแล และจากนี้จะเข้มงวดตรวจสอบประวัติสุขภาพนักวิ่ง ก่อนเข้าร่วมกิจกรรม

ข้อมูลแพทย์พบส่วนใหญ่เสียชีวิตช่วง "ระยะทางสุดท้าย"

ทั้งนี้ ข้อมูลจากกรมควบคุมโรค พบว่า ส่วนใหญ่กรณีการเสียชีวิตในการแข่งขันวิ่งมักเกิดขึ้นในช่วง "ระยะทางสุดท้ายก่อนเข้าเส้นชัย" ขณะที่บางคนอาจไม่รู้ว่าตนเองมีโรคประจำตัว หรือมีโรคประจำตัวแต่ขาดการรักษาทานยาไม่ต่อเนื่อง จึงมีความเสี่ยง

สาเหตุที่ทำให้นักวิ่งหมดสติหรือเสียชีวิต ได้แก่ การเร่งทำลายสถิติตนเอง, ดื่มน้ำไม่เพียงพอ, รับประทานยาที่มีฤทธิ์กดการเต้นของหัวใจ, การฝึกฝนที่ไม่เพียงพอต่อระยะทางที่ลงแข่งขัน และความถี่ของการลงแข่งขันที่บ่อยและหักโหมเกินไป

อย่างไรก็ตาม กรมควบคุมโรคมีข้อแนะนำก่อนการลงแข่งขันสำหรับนักวิ่ง ดังนี้

  1. เตรียมพร้อม ฝึกฝนร่างกายให้เพียงพอกับระยะทางการลงแข่งขัน
  2. ไม่ลงแข่งขันวิ่งระยะทางไกลในช่วงเวลาที่ติดต่อกันมากเกินไป
  3. สวมใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสม
  4. ไม่ควรรับประทานยาที่มีฤทธิ์กดการเต้นของหัวใจทั้งก่อนวิ่งและขณะวิ่ง
  5. นักวิ่งที่มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อนลงแข่งขันทุกครั้ง
  6. นอนพักผ่อนให้เพียงพอก่อนวันวิ่ง
  7. ตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี
  8. ให้ข้อมูลสุขภาพที่เป็นจริง เพื่อให้ทีมแพทย์เตรียมความพร้อมดูแลและเฝ้าระวังเหตุการณ์ฉุกเฉิน
  9. ตรวจสอบอุณหภูมิและค่าฝุ่น PM2.5 ล่วงหน้าก่อนถึงวันแข่งขันจริง เพื่อเตรียมพร้อมร่างกาย วางแผนการดื่มน้ำระหว่างวิ่งให้เหมาะสม
  10. หากมีอาการแน่นหน้าอกหรือหน้ามืด ควรหยุดพักและแจ้งหน่วยแพทย์ในงานวิ่งทันที

อ่านข่าว

ตร.เตรียมเข้าสอบปากคำ "อดีตพระอลงกต" ในเรือนจำ

ทบ.ยันหลักเขตแดนที่ 42-43 เป็นตามกรอบ JBC จี้เขมรหยุดบิดเบือน

อิสราเอลปฏิเสธ "รัฐปาเลสไตน์" จากการรับรองจากชาติตะวันตก