ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ปลดล็อก "ปาเลสไตน์" ทำไมหลายประเทศต้องให้การรับรอง "รัฐ"

ต่างประเทศ
14:36
84
ปลดล็อก "ปาเลสไตน์" ทำไมหลายประเทศต้องให้การรับรอง "รัฐ"
การได้รับการยอมรับให้เป็น "รัฐ" ไม่ใช่เพียงสัญลักษณ์ แต่คือการเปิดประตูสู่สิทธิอธิปไตย การปกครองตนเอง และความเท่าเทียมบนเวทีโลก เหล่านี้คือเหตุผลที่หลายประเทศยืนยันว่า ถึงเวลาแล้วที่ "ปาเลสไตน์" ต้องได้รับสถานะรัฐอย่างเป็นทางการ

การเป็น "รัฐ" ไม่ได้หมายถึงเพียงการมีชื่อบนแผนที่ หากแต่คือรากฐานของสิทธิอธิปไตยและศักดิ์ศรีความเป็นชาติ สำหรับปาเลสไตน์ การได้รับการยอมรับให้เป็นรัฐไม่เพียงแต่เป็นความฝันทางการเมือง หากแต่เป็นประตูสู่การปกครองตนเอง การควบคุมทรัพยากร และการมีที่ยืนบนเวทีโลกในฐานะประเทศที่เท่าเทียมกับชาติอื่น ๆ

กว่าเจ็ดทศวรรษที่ผ่านมา ปาเลสไตน์ยังคงอยู่ในสถานะที่เรียกว่า "State-in-waiting" หรือ "รัฐที่ยังไม่เกิด" ดร.ลิเดีย วอล์กเกอร์ เป็นนักประวัติศาสตร์ผู้ศึกษาประวัติศาสตร์การปลดอาณานิคมทั่วโลกในศตวรรษที่ 20 ให้ความหมายว่า รัฐที่ยังไม่เกิด คือ ดินแดนที่มีองค์ประกอบบางประการของรัฐ เช่น ประชากร ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และการปกครองบางส่วน แต่ยังไม่ได้รับการยอมรับจากประชาคมโลกหรือยังไม่เป็นสมาชิกสหประชาชาติเต็มรูปแบบ

ปาเลสไตน์ เองก็ไม่ใช่กรณีเดียวบนโลก ยังมีตัวอย่างอื่นอีก เช่น โคโซโว ที่ประกาศเอกราชในปี 2008 ได้รับการยอมรับจากบางประเทศแต่ยังไม่เป็นสมาชิก UN และ ไต้หวัน ที่มีรัฐบาลและการปกครองชัดเจนแต่ถูกกีดกันจากการเป็นรัฐสมาชิกเพราะแรงกดดันทางการเมือง

สำหรับชาวปาเลสไตน์ การได้รับสถานะ "รัฐ" หมายถึงสิทธิขั้นพื้นฐานหลายประการ (ที่ยังขาดหายไปในปัจจุบัน) หากได้เป็นรัฐเต็มรูปแบบ ปาเลสไตน์จะสามารถเข้าร่วมองค์การระหว่างประเทศ ลงนามในสนธิสัญญา มีสิทธิเข้าถึงศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ และได้รับการยอมรับทางการทูตในฐานะประเทศที่มีอธิปไตย การเป็นรัฐจึงไม่ใช่แค่สัญลักษณ์ทางการเมือง แต่คือการรับประกันสิทธิและศักดิ์ศรีของประชาชนกว่า 5,000,000 ชีวิตที่อาศัยอยู่ในกาซาและเวสต์แบงก์

ความพยายามในการรับรองปาเลสไตน์เป็นรัฐเริ่มต้นตั้งแต่ทศวรรษ 1980 และยิ่งเข้มข้นขึ้นหลังจากสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) มีมติในปี 2012 ให้ปาเลสไตน์เป็น "รัฐผู้สังเกตการณ์ถาวร หรือ Non-Member Observer State) แต่แม้จะเป็นก้าวสำคัญ แต่ก็ยังไม่เพียงพอ เพราะสถานะนี้ทำให้พวกเขาสามารถเข้าร่วมประชุมและแสดงความเห็น แต่ยังไม่มีสิทธิลงคะแนนเสียงหรือมีอำนาจเต็มเหมือนประเทศอื่น ๆ

ปัจจุบันประชาคมโลกกว่าร้อยละ 80 ให้การยอมรับสถานะของปาเลสไตน์แล้ว Aljazeera รายงาน่าสุดวันนี้ (23 ก.ย.2568) ว่า ฝรั่งเศส และ อีก 5 ประเทศ ได้แก่ อันดอร์รา เบลเยียม ลักเซมเบิร์ก มอลตา และโมนาโก ได้ให้การยอมรับ "รัฐปาเลสไตน์" 1 วันหลังจากผู้นำจากออสเตรเลีย แคนาดา โปรตุเกส และสหราชอาณาจักร มีมติรับรองปาเลสไตน์อย่างเป็นทางการ และได้กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมผู้แทนระหว่างการประชุมระดับสูงของประมุขแห่งรัฐเกี่ยวกับแนวทางแก้ปัญหา 2 รัฐระหว่างอิสราเอล-ปาเลสไตน์ ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติในนครนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา

ทำให้ขณะนี้มี 151 ประเทศจาก 193 ประเทศสมาชิก UN ให้การรับรองปาเลสไตน์ในฐานะรัฐแล้ว ด้วยเหตุผลหลักคือการสนับสนุนสิทธิในการปกครองตนเองและการสร้างสมดุลบนเวทีสันติภาพตะวันออกกลาง

อย่างไรก็ตาม ศ.เฮนรี เสกแมน ประธานโครงการสหรัฐอเมริกา/ตะวันออกกลาง คณะศึกษาศาสตร์ตะวันออกและแอฟริกา มหาวิทยาลัยลอนดอน เผยอุปสรรคสำคัญยังอยู่ที่การเมืองโลก โดยเฉพาะคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่ "สหรัฐอเมริกา" มักใช้สิทธิ "วีโต้" ขัดขวางการรับปาเลสไตน์เป็นสมาชิกเต็มรูปแบบ อันเป็นผลมาจากพันธมิตรใกล้ชิดกับอิสราเอล

Reuters รายงานว่า เบนจามิน เนทันยาฮู นายกฯอิสราเอล ได้ออกมาประณามการเคลื่อนไหวของเหล่าประเทศที่ให้การรับรองรัฐปาเลสไตน์ว่ากำลังมอบรางวัลอันยิ่งใหญ่ให้กับผู้ก่อการร้าย โดยอ้างถึงการโจมตีอิสราเอลของกลุ่มฮามาสในปี 2023 ซึ่งเป็นชนวนให้เกิดสงครามในฉนวนกาซาที่ กินเวลานานเกือบ 2 ปีจนถึงตอนนี้

มีข้อความอีกข้อหนึ่งถึงพวกคุณ มันจะไม่เกิดขึ้น! รัฐปาเลสไตน์จะไม่ได้ก่อตั้งขึ้นทางตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน

ขณะที่ อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ย้ำว่าการยอมรับปาเลสไตน์เป็นรัฐ จะช่วยปรับสมดุลโต๊ะเจรจาสันติภาพ เพราะจะทำให้ทั้ง 2 ฝ่าย อิสราเอล-ปาเลสไตน์ อยู่ในฐานะรัฐต่อรัฐ ไม่ใช่รัฐกับดินแดนที่ไร้สถานะ ซึ่งจะทำให้การเจรจามีความชอบธรรมและเท่าเทียมมากขึ้น แต่ฝ่ายที่คัดค้านกลับเห็นว่าการให้สถานะรัฐก่อนบรรลุข้อตกลงสันติภาพ อาจทำให้ความขัดแย้งยิ่งรุนแรงขึ้น และลดแรงกดดันให้ปาเลสไตน์กลับไปสู่โต๊ะเจรจาโดยตรงกับอิสราเอล

การที่ชาวปาเลสไตน์ได้รับสถานะเป็นรัฐ เป็นสิทธิ ไม่ใช่รางวัล และขอปฏิเสธคำกล่าวอ้างของสหรัฐฯ และอิสราเอลที่ว่า การได้รับสถานะเป็นรัฐ คือรางวัลสำหรับกลุ่มฮามาส

แม้จะมีการถกเถียงทางการทูตอย่างต่อเนื่อง แต่ความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้คือ ชาวปาเลสไตน์ยังคงมีอยู่และมีสิทธิในความเป็นชาติ การปฏิเสธสถานะรัฐไม่ได้ลบความจริงทางประวัติศาสตร์และความเป็นมนุษย์ที่มีตัวตน หากวันหนึ่งประชาคมโลกเลือกที่จะยอมรับปาเลสไตน์อย่างเป็นทางการ นั่นอาจเป็นกุญแจดอกสำคัญที่จะปลดล็อกสันติภาพในตะวันออกกลาง และสร้างความเท่าเทียมให้กับผู้คนที่รอการยอมรับมานานกว่าครึ่งศตวรรษ

แหล่งข้อมูล : The Washington InstituteThe guardianUSMEPUnited NationsReuters, Aljazeera

อ่านข่าวอื่น :

NATO-EU ประณามรัสเซีย ส่งเครื่องบินรบรุกล้ำน่านฟ้าเอสโตเนีย 12 นาที

"ฝรั่งเศส" ประกาศรับรอง "รัฐปาเลสไตน์" ในเวที UNGA

อิสราเอลปฏิเสธ "รัฐปาเลสไตน์" จากการรับรองจากชาติตะวันตก