รพ.วชิรพยาบาล ยืนยันอาคารปลอดภัย หลังเหตุถนนทรุดใกล้ รพ.

วันนี้ (25 ก.ย.68) โรงพยาบาลวชิรพยาบาล ยืนยันอาคารปลอดภัย หลังเกิดเหตุถนนทรุดใกล้โรงพยาบาล เตรียมเปิดบริการผู้ป่วยนอกวันศุกร์นี้ (26 ก.ย.)

ความคืบหน้า เหตุถนนทรุดใกล้โรงพยาบาลวชิรพยาบาล เมื่อวันที่ 24 ก.ย.2568 ที่ผ่านมา ล่าสุด (25 ก.ย.68) ผศ.นพ.จักราวุธ มณีฤทธิ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช เปิดเผยความคืบหน้าหลังเกิดเหตุถนนยุบบริเวณใกล้โรงพยาบาลวชิรพยาบาลว่า ได้มีการตรวจสอบโครงสร้างอาคารอย่างละเอียดแล้วพบว่าอาคารหลักของโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง คือ อาคารทีปังกรรัศมีโชติ และ อาคารเพชรรัตน์ อยู่ในสภาพแข็งแรงและปลอดภัย สามารถรองรับการใช้งานได้ตามปกติ

นพ.จักราวุธ ระบุว่า อาคารทีปังกรรัศมีโชติ ซึ่งอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุที่สุดเป็นอาคารสูง 9 ชั้น แบ่งเป็นชั้นบนดิน 6 ชั้น และชั้นใต้ดิน 3 ชั้น เสาเข็มลึกกว่า 50 ม. โดยมีกำแพงกันดินลึกถึง 24 ม.ทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้ดินไหลเข้ามา ส่งผลให้โครงสร้างไม่รับผลกระทบแม้บริเวณถนนใกล้เคียงจะทรุดตัวลึกประมาณ 15 ม.

ผศ.นพ.จักราวุธ มณีฤทธิ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช

ขณะที่อาคารเพชรรัตน์สูง 19 ชั้น ซึ่งอยู่ห่างออกไป ก็ได้รับการก่อสร้างด้วยมาตรการป้องกันเช่นเดียวกัน จึงไม่มีความเสี่ยงใด ๆ

ที่ผ่านมา โรงพยาบาลจำเป็นต้องปิดบริการผู้ป่วยนอกเป็นเวลา 2 วัน ไม่ใช่เพราะความไม่ปลอดภัยของอาคาร แต่เพื่อจัดระบบจราจรและรองรับการทำงานของเจ้าหน้าที่ รฟม.ที่ต้องเข้าดำเนินการแก้ไขปัญหาดินไหล โดยใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการสัญจรหากมีผู้ป่วยนอกกว่า 4,000 คนเดินทางเข้ามาพร้อมกัน ซึ่งทางโรงพยาบาลมั่นใจว่าสามารถกลับมาเปิดให้บริการผู้ป่วยนอกได้ตามแผนในวันศุกร์นี้ (26 ก.ย.68)

ด้านมาตรการอำนวยความสะดวก นพ.จักราวุธ ขอความร่วมมือผู้ใช้บริการให้ใช้ระบบขนส่งสาธารณะเป็นหลัก เพื่อลดความแออัด เนื่องจากเส้นทางปกติบนถนนสามเสนไม่สามารถใช้ได้

ต้องปรับเส้นทางเข้ามาทางถนนสังคโลกแทน ซึ่งปกติเป็นทางเดินรถทางเดียว แต่ช่วงนี้ต้องเปิดให้รถสวนทางกันได้ จึงอาจทำให้เกิดความหนาแน่น โดยเฉพาะช่วงเวลาเร่งด่วน

สำหรับผู้ป่วยใน โรงพยาบาลยังคงดูแลตามปกติ ไม่มีการย้ายผู้ป่วย ขณะที่ผู้ป่วยฉุกเฉินก็ยังคงรับไว้รักษาเช่นเดิม เพียงแต่ได้ประสานงานกับศูนย์เอราวัณเพื่อลดจำนวนการส่งต่อผู้ป่วยที่ไม่เร่งด่วนเข้ามา เนื่องจากข้อจำกัดด้านการจราจร แต่หากเป็นเคสหนัก โรงพยาบาลยังคงพร้อมให้การรักษาเต็มที่