ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

โครงการอาหารกลางวันฟรีก่อพิษ เด็กป่วยนับพัน รบ.อินโดฯ ยันเดินหน้าต่อ

ต่างประเทศ
12:16
60
โครงการอาหารกลางวันฟรีก่อพิษ เด็กป่วยนับพัน รบ.อินโดฯ ยันเดินหน้าต่อ
อ่านให้ฟัง
06:16อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
รัฐบาลอินโดนีเซียเจอมรสุมหนัก โครงการอาหารกลางวันฟรีของ ปธน.ปราโบโว ถูกวิจารณ์ เด็กป่วยอาหารเป็นพิษกว่าพันรายในบันดุงและจุดอื่น ๆ หลังแจกมื้อละ 20 บาทให้ 22 ล้านคน รัฐบาลยืนยันเดินหน้าต่อ ยกระดับตรวจสอบโรงครัว 7,600 แห่ง ป้องกันซ้ำซาก

วันนี้ (26 ก.ย.2568) เมื่อเด็กคืออนาคตของชาติ ถ้าเด็ก ๆ สุขภาพดี ย่อมหมายถึงชาติก็แข็งแกร่งตามไปด้วย นี่อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้โครงการแจกอาหารกลางวันฟรีให้กับเด็ก ๆ กลายเป็นนโยบายหลักของ "ปราโบโว ซูเบียนโต" นับตั้งแต่ก้าวขึ้นนั่งเก้าอี้ ปธน.อินโดนีเซีย แต่เป้าหมายที่วาดฝันเอาไว้ ในความเป็นจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น

เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์อินโดนีเซียตรวจร่างกายเด็ก ๆ ที่มีอาการอาหารเป็นพิษ และถูกนำตัวเข้ามาพักรักษาอยู่ภายในอาคารสนามกีฬาแห่งหนึ่งในเมืองบันดุง บนเกาะจาวา ซึ่งถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นศูนย์ดูแลฉุกเฉินเป็นการชั่วคราวตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ (22 ก.ย.) โดยเด็กหลายคน มีคุณแม่คอยดูแลอยู่ข้าง ๆ ไม่ห่าง

โรงพยาบาลในหลายพื้นที่ไม่มีขีดความสามารถเพียงพอในการรองรับผู้ป่วยจำนวนหลายร้อยคนพร้อม ๆ กัน หลังจากนับตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดเหตุอาหารเป็นพิษในอย่างน้อย 5 จุด รวมตัวเลขเด็กที่ได้รับผลกระทบมีแล้วมากกว่า 1,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่มีอาการป่วยหลังรับประทานอาหารที่แจกในโครงการอาหารกลางวันฟรีของรัฐบาล

ทางการอินโดนีเซียเปิดตัวโครงการอาหารกลางวันฟรีเมื่อเดือนมกราคม โดยจะแจกจ่ายอาหารฟรีให้กับเด็ก ๆ และกลุ่มเปราะบาง เช่น หญิงตั้งครรภ์ วันละ 1 มื้อ โดยสำนักงานโภชนาการแห่งชาติ ซึ่งตั้งขึ้นมาใหม่เพื่อดูแลโครงการนี้ ประเมินว่า ต้นทุนอยู่ที่มื้อละประมาณ 20 บาท จะมีทั้งข้าว เนื้อสัตว์และผลไม้ ส่วนนมจะให้อย่างน้อย 3 ครั้ง/สัปดาห์

ข้อมูลจากกระทรวงการคลังอินโดนีเซีย ชี้ว่า ปัจจุบัน มีผู้ได้รับอาหารตามโครงการนี้แล้วมากกว่า 22 ล้านคนทั่วประเทศ โดยเป็นเด็กบนเกาะจาวามากที่สุดกว่า 13 ล้านคน ตามมาด้วยสุมาตรา และซูลาเวซี แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีรายงานจากหน่วยงานภาคประชาสังคม ว่า พบผู้ป่วยอาหารเป็นพิษจากโครงการนี้แล้วมากกว่า 7,000 คน

ตลอดช่วงกว่า 8 เดือนที่ผ่านมา โครงการอาหารกลางวันฟรีถูกวิจารณ์อย่างหนักจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อตัวเลขผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ท่ามกลางความกังวลเรื่องความปลอดภัยของอาหาร แต่ล่าสุด รัฐบาลยังคงยืนยันที่จะเดินหน้าโครงการนี้ต่อไป เนื่องจากเป็นโครงการที่ผู้นำอินโดนีเซียให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก

โดยรัฐบาลจะยกระดับการติดตาม-ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินโครงการของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำซาก พร้อมทั้งร้องขอให้ประชาชนช่วยรัฐบาลตรวจสอบด้วย

ขณะที่ผู้นำอินโดนีเซียได้สั่งการให้สำนักงานโภชนาการแห่งชาติ เร่งตรวจสอบเหตุอาหารเป็นพิษที่เกิดขึ้นหลายกรณีในช่วงนี้ และยกระดับการกำกับดูแลและป้องกันข้อผิดพลาดจากตัวผู้ให้บริการอาหาร หรือโรงครัวต่าง ๆ โดยปัจจุบัน มีที่เข้าร่วมโครงการนี้แล้วมากกว่า 7,600 แห่ง ซึ่งบางแห่ง พบว่า ไม่ได้มาตรฐาน

ขณะนี้ เหลือเวลาเพียง 3 เดือนเศษ ๆ ก็จะหมดปีแล้ว แต่มีผู้รับอาหารในโครงการนี้เพียงแค่ 22 ล้านคน ยังห่างไกลจากเป้าหมายกว่า 82 ล้านคน ภายในสิ้นปีนี้อยู่มากทีเดียว ขณะที่การเบิกจ่ายงบประมาณก็ยังเป็นปัญหา เพราะกระทรวงการคลังอินโดนีเซีย ระบุว่า งบในโครงการนี้ถูกใช้ไปแค่ 13 ล้านล้านรูเปียะห์ หรือประมาณ 25,000 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งไม่ถึง 1 ใน 5 ของงบประมาณโครงการปีนี้ทั้งหมด

การเบิกจ่ายที่ต่ำเช่นนี้ ทำให้รัฐบาล ระบุว่า จะขอประเมินการใช้จ่ายของโครงการ และอาจจะโยกงบบางส่วนไปใช้ในโครงการอื่น ๆ ที่จำเป็นเพิ่มเติมได้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ มีข้อกังวลว่า งบประมาณที่จะใช้ในโครงการอาหารกลางวันฟรีสูงเกินไป และอาจจะได้ไม่คุ้มเสียหรือไม่

นอกจากความเร่งรีบในการผลักดันโครงการ จนทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์มาตั้งแต่ยังไม่ทันได้เริ่มต้นว่า ขาดหน่วยงานที่จะเข้ามาตรวจสอบและกำกับดูแลแล้ว โครงการนี้ยังเสี่ยงเกิดการทุจริตด้วย ซึ่งสื่อท้องถิ่น รายงานว่า โรงครัวบางแห่งเกี่ยวข้องกับผู้สนับสนุนปราโบโวในการเลือกตั้ง ขณะที่บางส่วนวิจารณ์ถึงคุณภาพอาหารที่มีผลิตภัณฑ์แปรรูปเยอะ ซึ่งไม่ตอบโจทย์การพัฒนาโภชนาการเด็ก และการเพิ่มความมั่นคงทางอาหาร

โครงการอาหารฟรีเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ระยะยาว เพื่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของรัฐบาลปราโบโว ซึ่งต้องการพาประเทศไปสู่เป้าหมาย "อินโดนีเซียยุคทอง" ภายในปี 2598 ดังนั้น การที่เด็ก ๆ จะได้รับสารอาหารเพียงพอ และเติบโตแข็งแรงสมบูรณ์ จึงเป็นเป้าหมายใหญ่ที่อินโดนีเซียต้องไปให้ถึงให้ได้ 

แม้ไอเดียในโครงการนี้จะดี แต่การบริหารจัดการโครงการจำเป็นต้องวางแผนให้รัดกุมมากกว่านี้ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นกำลังบั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลด้วย สำหรับนโยบายประชานิยม ถ้าทำได้ดีก็ซื้อใจประชาชนได้ ดังนั้น ปราโบโวคงต้องเร่งแก้ปัญหานี้ให้ได้โดยเร็ว เพื่อเรียกศรัทธาและความเชื่อมั่นให้กลับคืนมา

อ่านข่าวเพิ่ม :

ชาวบ้านหวั่นซ้ำรอยปี 54 มวลน้ำใหญ่ถึงเมืองเชียงใหม่ 11.00 น.

รพ.วชิรฯ เปิดบริการแล้ว - "ชัชชาติ" เผยเทคอนกรีตถนนสามเสน 1,500 ตัน