วันนี้ (26 ก.ย.2568) นพ.ธนินทร์ เวชชาภินันท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า จากข้อมูลการศึกษาในประเทศไทยพบว่า เด็กอายุต่ำกว่า 1 ปีมีอัตราการเสียชีวิตจากโรคติดเชื้อ RSV ที่ระดับ 1.75 ต่อประชากร 100,000 คน ซึ่งสูงกว่าเด็กช่วงอายุอื่น จากข้อมูลการศึกษาทางการแพทย์ในหลายประเทศพบว่า Nirsevimab เป็นภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปที่มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันโรคติดเชื้อ RSV โดยจากการศึกษาระยะที่ 3 พบว่าสามารถลดความเสี่ยงการเข้าโรงพยาบาลจากการติดเชื้อ RSV ได้ถึงร้อยละ 81
และการศึกษาล่าสุดพบว่าประสิทธิภาพในการป้องกันสูงสุดที่ร้อยละ 79.3 ในระยะ 2 สัปดาห์หลังได้รับการฉีด จากการติดตามข้อมูลในประเทศไทย พบว่าปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญสำหรับการเข้าโรงพยาบาลจากโรค RSV ได้แก่ เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี ทารกที่มีโรคปอดเรื้อรังจากการคลอดก่อนกำหนด และเด็กที่มีโรคประจำตัว ซึ่งเด็กกลุ่มนี้จะได้ประโยชน์สูงสุดจากการได้รับภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป
นพ.อาคม ชัยวีระวัฒนะ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จุดเด่นของ Nirsevimab คือสามารถป้องกันได้ยาวนานอย่างน้อย 6 เดือนด้วยการฉีดเพียงครั้งเดียว ซึ่งแตกต่างจากยาป้องกัน RSV เดิมที่ต้องฉีดทุกเดือน และเหมาะสำหรับทารกและเด็กทั่วไป ไม่จำกัดเฉพาะกลุ่มเสี่ยงเท่านั้น ตามแนวทางของราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย แนะนำให้ฉีดในทารกแข็งแรงดีอายุต่ำกว่า 8 เดือนทุกราย และในทารกกลุ่มเสี่ยงอายุต่ำกว่า 12 เดือน เช่น เด็กที่คลอดก่อนกำหนด เด็กที่มีโรคปอดเรื้อรัง โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด หรือภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง และสามารถพิจารณาให้ในเด็กที่แข็งแรงดีจนถึง 12 เดือนได้ แนะนำฉีดก่อนเข้าฤดูกาลระบาดของ RSV ระหว่างเดือนมิถุนายนถึงพฤศจิกายนของทุกปี ในช่วงฤดูกาลที่ 2 แนะนำให้ฉีดเฉพาะเด็กที่มีโรคประจำตัวดังกล่าวข้างต้น ทุกรายที่มีอายุต่ำกว่า 19 เดือน
รศ.พิเศษ พญ.วารุณี พรรณพานิช วานเดอพิทท์ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กุมารแพทย์โรคติดเชื้อ กล่าวว่า เด็กที่มีความเสี่ยงสูง อาจพิจารณาให้เด็กกลุ่มนี้ได้รับภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปจนถึงอายุ 24 เดือน แต่หากติดเชื้อ RSV ไปแล้วในฤดูกาลเดียวกัน ไม่แนะนำให้ฉีดป้องกันเพิ่มในช่วงฤดูกาลนั้น หรือในกรณีที่เด็กทารกที่มีสุขภาพดี ที่มารดาได้รับวัคซีนป้องกัน RSV อย่างน้อย 14 วันก่อนคลอด การศึกษาด้านความปลอดภัยพบว่า อาการข้างเคียงที่สามารถพบได้ คือ ผื่น คิดเป็นร้อยละ 0.9 และอาการที่บริเวณที่ฉีดร้อยละ 0.3 ซึ่งถือว่ามีความปลอดภัยสูง สามารถให้ร่วมกับวัคซีนตามวัยอื่นได้ โดยไม่จำเป็นต้องเว้นระยะห่าง
การป้องกันโรค RSV นอกจากการใช้ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปแล้ว ผู้ปกครองยังสามารถป้องกันได้โดยการให้นมแม่อย่างน้อย 6 เดือน ล้างมือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงการนำเด็กไปในที่แออัด โดยเฉพาะในช่วงฤดูกาลระบาดของ RSV และหากพบว่าเด็กมีอาการไข้สูง หายใจเร็วหรือหอบ มีอาการซึม เพลีย ไม่ดูดนม หรือมีผิวหนังและริมฝีปากเป็นสีคล้ำ ควรรีบพาไปพบแพทย์ทันที เนื่องจากเด็กเล็กต่ำกว่า 2 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กที่มีโรคประจำตัวมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรค RSV ที่รุนแรงผู้ปกครองที่สนใจสามารถเข้ารับบริการได้ที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี
อ่านข่าว : กกล.บูรพา เปิดตัวเลข 3 เดือน จับผู้ลอบเข้า-ออกเมือง เกือบ 900 คน
เปิดภารกิจ "สีหศักดิ์" แสดงวิสัยทัศน์เวที UNGA80 ชี้แจงปมไทย-กัมพูชา
มิจฉาชีพพุ่งเป้า "ผู้สูงอายุ" หลอกโอนเงิน-เซ็นขายที่ดินสูญหลายล้าน