คำตอบคำถามสื่อของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เมื่อปี 2553 เรื่องบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ถูกนำกลับมาเผยแพร่ และวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้างอีกครั้ง โดยเฉพาะเมื่อนายทัช โสกา รองโฆษกกระทรวงมหาดไทย กัมพูชา นำมากล่าวอ้างถึงหมู่บ้านหนองจาน และอาจรวมถึง บ้านหนองหญ้าแก้ว ในเขต อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ติดชายแดนกัมพูชา ฝั่งพื้นที่ จ.บันเตียเมียนเจย อยู่ในเขตอธิปไตยกัมพูชา
โดยยอมรับว่า กัมพูชาอยู่มานาน ตั้งแต่ปี 2520 แต่ไม่มีคนไทยอยู่ แม้บางส่วนจะอยู่ในเขตแดนไทย หรือพื้นที่ทับซ้อนอ้างสิทธิ์ ระหว่างไทย-กัมพูชา แต่พื้นที่ดังกล่าว คนไทยไม่มีเอกสารสิทธิ์
เป็นคลิปภาพและเสียงของ พล.อ.ประวิตร ในฐานะรัฐมนตรีกลาโหม ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ย้ำในการแถลงวันนั้นว่า เป็นพื้นที่ไทยไม่มีเอกสารสิทธิ์ครอบครอง และยังไล่ให้สื่อไปหาหลักฐานมาแสดง หากเชื่อว่าเป็นอธิปไตยของไทย
เป็นการตั้งโต๊ะแถลง หลังจากนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.) ถูกทหารกัมพูชาจับกุมและควบคุมตัว ขณะเข้าไปยืนอยู่ในในบ้านหนองจาน เมื่อปี 2553
เป็นการเข้าไปเพื่อพิสูจน์ว่า เป็นเขตแดนประเทศไทยหรือกัมพูชา หลังมีคนร้องเรียนกับนายวีระ ก่อนที่เขาจะกลายเป็นนักโทษในเรือนจำเปร์ยซอว์นานถึง 6 ปี 3 เดือน
คลิปเสียงดังกล่าว กลายเป็นหลักฐานที่นายทัช นำมาขยายผล และกล่าวหาไทยกำลังละเมิดหลักการปักปันเขตแดนระหว่างประเทศ และเข้าข่ายอาชญากรระหว่างประเทศ
ทั้งยังเป็นที่มาของ”ทัวร์ลง”ใส่หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โดยคนไทยด้วยกันเองจำนวนไม่น้อย ขณะที่ส่วนหนึ่งเรียกร้องให้”ลุงป้อม” ออกมาชี้แจง แต่ถึงขณะนี้ ยังไม่มีปฏิกริยาใดๆ
รวมทั้งนายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ที่เสนอให้ พล.อ.ประวิตร ชี้แจงอธิบายที่มาที่ไป รวมทั้งบริบทในการชี้แจงกับสื่อในเหตุการณ์ครั้งนั้น เพื่อความกระจ่าง และแสดงความไม่เห็นด้วย ที่คนไทยด้วยกัน จะแบ่งข้างวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้
เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชา ยังมีปัญหาเรื่องพื้นที่ชายแดนที่บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว ที่ผู้ว่าฯบันเตียนเมียนเจยของกัมพูชา กับผู้ว่าฯ สระแก้วของไทย ต่างอ้างสิทธิ์เหนือพื้นที่พิพาท และทางกัมพูชา ใช้มวลชนเคลื่อนไหวยั่วยุ และท้าทายเจ้าหน้าที่ไทยมาอย่างต่อเนื่อง
และเป็นกรณีที่เกิดขึ้นในระหว่างรัฐบาลชุดใหม่ ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล เตรียมแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ในวันที่ 29-30 ก.ย.นี้ โดยมีสาระสำคัญที่ปรากฎในสมุดปกสีน้ำเงิน “5 กรอบ 15 นโยบาย” ซึ่งรวมทั้งนโยบายด้านความมั่นคงที่เกี่ยวข้องกับกัมพูชาโดยตรง โดยระบุถึง “การทำประชามติ” เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการพิจารณาตัดสินใจ ให้ความเห็นต่อการยกเลิกบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างไทย-กัมพูชา” ด้วย
นับเป็นก้าวรุกที่สำคัญของรัฐบาลไทยชุดใหม่ หลังจากที่ผ่านมา มีกระแสเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกเอ็มโอยู 43 และเอ็มโอยู 44 เนื่องจากเห็นว่าฝ่ายไทยเสียเปรียบมาตลอด
แต่ในรัฐบาลพรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ อ้างว่าการแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ต้องใช้แบบสันติวิธี ซึ่งสวนทางกับท่าทีของกองทัพ กระทั่งเสียงของประชาชนส่วนใหญ่ เทใจให้กับทหารและกองทัพ
ขณะที่นายอนุทิน ประกาศท่าทีชัดเจน เปิดไฟเขียวให้กองทัพเป็นฝ่ายตัดสินใจ เรื่องปมปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา
สถานการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไร จะจบแบบไหน ภายใต้กรอบเวลาบริหารประเทศเพียง 4 เดือน เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ที่ต้องลุ้นต้องติดตามกันต่อไป
ไม่ต่างจากการรอคอยคำชี้แจงจาก “ลุงป้อม” เช่นเดียวกัน
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส
อ่านข่าว : รพ.วชิรพยาบาล เปิดบริการผู้ป่วยนอกวันแรก หลังเหตุถนนทรุด
"โสภณ" ปัดนอมินี "เนวิน" ตั้งเป้า 4 เดือนฟันเขากระโดง-แก้ยาเสพติด
"พล.ต.ท.รุทธพล" ไฟเขียว "DSI" ลุยคดี "ฮั้วสว. - เขากระโดง"