เมื่อวันที่ 30 ก.ย.2568 The KYIV Independent รายงานว่า ปธน.โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครน ออกมาเตือนว่า โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริซเซีย ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปและถูกกองทัพรัสเซียยึดครองตั้งแต่ปี 2565 ขาดการเชื่อมต่อกับระบบไฟฟ้าต่อเนื่องเป็นวันที่ 7 แล้ว นับเป็นการขาดไฟที่นานที่สุดนับตั้งแต่สงครามเริ่มต้น สถานการณ์นี้ถูกระบุว่า "วิกฤต" เนื่องจากโรงไฟฟ้าต้องไปพึ่งพาเครื่องปั่นไฟดีเซลเพื่อรักษาระบบความปลอดภัยแทน
เซเลนสกีระบุว่า การโจมตีของรัสเซียทำให้สายส่งไฟฟ้าที่เชื่อมต่อโรงไฟฟ้าถูกตัดขาด และการโจมตีอย่างต่อเนื่องก็ขัดขวางการซ่อมแซมสายไฟ ทำให้โรงไฟฟ้าต้องใช้เครื่องปั่นไฟดีเซล และสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ออกแบบมาให้ทำงานต่อเนื่องนานขนาดนี้ ปัจจุบันมีรายงานว่าเครื่องปั่นไฟ 1 เครื่องเสียหายแล้ว สร้างความกังวลต่อความปลอดภัยยิ่งขึ้น
เครื่องปฏิกรณ์ของโรงไฟฟ้าทั้ง 6 เครื่อง ถูกปิดการทำงานตั้งแต่รัสเซียยึดครอง แต่ซาโปริซเซียยังต้องการไฟฟ้าเพื่อรักษาระบบระบายความร้อน เพื่อป้องกันไม่ให้แกนปฏิกรณ์ร้อนจัดจนเกิดอุบัติเหตุนิวเคลียร์ เซเลนสกีกล่าวหาว่ารัสเซียจงใจขัดขวางการซ่อมแซม และเรียกร้องให้รัฐบาลยูเครนและนักการทูตประสานงานกับนานาชาติเพื่อแก้ไขวิกฤตนี้ ชี้ว่าไม่มีกลุ่มก่อการร้ายใดในโลกเคยกระทำต่อโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เช่นที่รัสเซียทำ
ด้านรัสเซียอ้างว่าได้จัดหาไฟสำรองให้โรงไฟฟ้าตั้งแต่เกิดการโจมตี แต่รัสเซียก็กล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของยูเครนเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 ฝ่ายต่างกล่าวหากันเองว่าเป็นสาเหตุของความเสียหายต่อโรงไฟฟ้า นับตั้งแต่เริ่มสงคราม โรงไฟฟ้าซาโปริซเซียเผชิญปัญหาความปลอดภัยหลายครั้ง รวมถึงไฟฟ้าดับ การยิงปืนใหญ่ใกล้พื้นที่ และขาดแคลนบุคลากร
เซเลนสกีเน้นย้ำว่าวิกฤตนี้เป็นภัยคุกคามต่อทุกคน และเรียกร้องให้โลกให้ความสนใจเพื่อป้องกันภัยพิบัตินิวเคลียร์ที่อาจเกิดขึ้น

ทำไม "ซาโปริซเซีย" ต้องใช้ไฟฟ้ารักษาความเย็น
สำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ระบุว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริซเซีย แม้จะปิดเครื่องปฏิกรณ์ทั้ง 6 เครื่องแล้ว ยังคงต้องการไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาระบบระบายความร้อนของแกนปฏิกรณ์และเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ที่ใช้แล้ว (Spent fuel) ซึ่งเก็บอยู่ในสระน้ำพิเศษ
ระบบระบายความร้อนนี้ใช้ปั๊มน้ำและพัดลมเพื่อหมุนเวียนน้ำเย็น ป้องกันไม่ให้แกนปฏิกรณ์หรือเชื้อเพลิงร้อนเกินไป ซึ่งอาจนำไปสู่การหลอมละลายหรือปล่อยรังสีอันตรายออกสู่สิ่งแวดล้อม หากไม่มีไฟฟ้าจากระบบหลัก โรงไฟฟ้าจะต้องพึ่งพาเครื่องปั่นไฟดีเซล ซึ่งมีข้อจำกัดด้านความน่าเชื่อถือเมื่อใช้งานต่อเนื่องนานเกินไป
การขาดไฟฟ้าจึงเป็นภัยคุกคามร้ายแรง เนื่องจากความร้อนจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ที่ตกค้าง ยังคงเกิดขึ้นแม้เครื่องปฏิกรณ์จะหยุดทำงานแล้ว หากระบบระบายความร้อนหยุดชะงัก อาจเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงคล้ายเหตุการณ์ที่เชอร์โนบิลหรือฟุกุชิมะ
อ่านข่าวอื่น :