ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

21 ต.ค.68 ชวนติดตาม "ฝนดาวตกโอไรออนิดส์" และ "ดาวหาง Lemmon"

21 ต.ค.68 ชวนติดตาม "ฝนดาวตกโอไรออนิดส์" และ "ดาวหาง Lemmon"

ก่อนสิ้นปี 2568 ท้องฟ้ายังมีเรื่องให้คนรักดาราศาสตร์ได้ตื่นตาตื่นใจ เพราะในช่วงสองเดือนสุดท้ายนี้ จะมีปรากฏการณ์บนฟ้าที่น่าติดตามหลายเหตุการณ์ โดยเฉพาะเดือน "ตุลาคม" จะ 2 ไฮไลท์สำคัญที่ไม่ควรพลาด และจะเกิดขึ้นในวันที่ 21 ตุลาคม นี้ ใครสนใจลิสต์ไว้เลยจะได้ไม่พลาด 

ฝนดาวตกโอไรออนิดส์

หนึ่งในนั้นคือ "ฝนดาวตกโอไรออนิดส์"  ฝนดาวตกใน "กลุ่มดาวนายพราน" เป็นฝนดาวตกที่เกิดขึ้นในช่วงวันที่ 2 ตุลาคม - 7 พฤศจิกายน ของทุกปี โดยในปี 2568 คาดว่ามีอัตราการตกสูงสุดเฉลี่ยประมาณ 20 ดวงต่อชั่วโมง ในคืนวันที่ 21 ต่อเนื่องถึงรุ่งเช้า 22 ตุลาคม 2568 เริ่มสังเกตการณ์ได้ตั้งแต่เวลาประมาณ 22.30 น. 

ครั้งนี้จุดศูนย์กลางการกระจายตัวของฝนดาวตกจะอยู่บริเวณแขนของกลุ่มดาวนายพราน ปรากฏขึ้นทางทิศตะวันออก ก่อนเคลื่อนสูงขึ้นสู่บริเวณกลางท้องฟ้า และเฝ้าชมได้ตลอดทั้งคืนจนถึงรุ่งเช้า

ผู้ที่อยากชมฝนดาวตกโอไรออนิดส์ ควรเลือกสถานที่ที่มืดสนิท ปราศจากแสงรบกวนให้มากที่สุด แม้อัตราการตกจะไม่สูงมาก แต่ก็เป็นฝนดาวตกที่สังเกตได้ง่าย โดยเฉพาะหลังเที่ยงคืน เนื่องจากเวลานั้นกลุ่มดาวนายพรานจะปรากฏบริเวณกลางท้องฟ้าส่งผลให้มองเห็นฝนดาวตกได้ชัดเจน มีโอกาสเห็นได้ทั่วทั้งท้องฟ้า 

หลายคนอาจอยากรู้แล้วฝนดาวตกโอไรออนิดส์ เกิดจากโลกเคลื่อนที่ตัดผ่านเส้นทางการโคจรของ ดาวหางฮัลเลย์ (1P/Halley) ซึ่งเคยทิ้งเศษฝุ่นและวัตถุขนาดเล็กจำนวนมากทิ้งไว้ในวงโคจร ขณะเคลื่อนที่เข้าใกล้ดวงอาทิตย์ เมื่อปี พ.ศ. 2529 หรือ เมื่อ 39 ปีก่อน

เมื่อแรงโน้มถ่วงของโลกดึงดูดเศษฝุ่นและวัตถุดังกล่าวเข้ามาเสียดสีกับชั้นบรรยากาศโลก เกิดการลุกไหม้ เห็นเป็นแสงวาบคล้ายลูกไฟพุ่งกระจายตัวออกมาจากบริเวณกลุ่มดาวนายพราน สว่างวาบคล้ายลูกไฟสวยงามพาดผ่านท้องฟ้า ฉะนั้นจึงไม่ควรพลาด 

C/2025 A6 (Lemmon) เข้าใกล้โลกที่สุด 

ไม่เพียงเท่านั้น ในคืนเดียวกับที่มองเห็นฝนดาวตกโอไรออนิดส์ ยังมีอีกหนึ่งเรื่องที่น่าสนใจนั้น คือ ดาวหาง C/2025 A6 (Lemmon) หรือ "ดาวหางเลมมอน" เข้าใกล้โลกที่สุด 

แต่ในช่วงนี้หากจะมองหาดาวหางเลมมอน ลองมองทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงที่ฟ้าใสไร้เมฆ เวลาประมาณ 03.00 น. ดาวหางจะขึ้นจากขอบฟ้า ปรากฏบริเวณกลุ่มดาวแมวป่า (Lynx) จนถึงรุ่งเช้าก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น แม้ขณะนี้ยังไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่ก็มาสามารถมองเห็นผ่านกล้องสองตา และกล้องโทรทรรศน์ขนาดเล็ก   

หลังวันที่ 21 ตุลาคม 2568 ดาวหางเลมมอน จะเปลี่ยนตำแหน่งไปปรากฏทางทิศตะวันตก ในช่วงหัวค่ำ  ก่อนจะโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2568 ซึ่งนักดาราศาสตร์คาดว่า ช่วงวันที่ 29-31 ตุลาคม 2568 ดาวหางอาจสว่างที่สุด และมีโอกาสเห็นได้ด้วยตาเปล่าในพื้นที่ที่ท้องฟ้ามืดสนิท

ผู้ที่อยากติดตามเส้นทางการเคลื่อนที่ของดาวหาง สามารถดูภตำแหน่งล่าสุดได้ที่เว็บไซต์ theskylive ขณะที่ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.)  ได้เปิดภาพจำลองตำแหน่งดาวหางเลมมอน ตั้งแต่วันที่ 21 - 20 พฤศจิกายน เวลา 19.00 น. ไว้ด้วย โดยจะเห็นได้ชัดทางทิศตะวันตกในช่วงหัวค่ำ   

ภาพจาก : NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ - ภาพจำลองตำแหน่งดาวหาง C/2025 A6 (Lemmon) ตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม - 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 เวลา 19.00 น.

ภาพจาก : NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ - ภาพจำลองตำแหน่งดาวหาง C/2025 A6 (Lemmon) ตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม - 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 เวลา 19.00 น.

ภาพจาก : NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ - ภาพจำลองตำแหน่งดาวหาง C/2025 A6 (Lemmon) ตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม - 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 เวลา 19.00 น.

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ "ดาวหาง" คืออะไร เกิดขึ้นจากอะไร

หลายคนอาจจะยังไม่รู้จัก และอาจเป็นเรื่องใหม่ของใครหลาย ๆ คน มาทำความรู้จักกับ "ดาวหาง" ให้มากขึ้น คืออะไร มาจากไหน วันนี้ชวนมาทำความเข้าใจกัน  

"ดาวหาง" มีส่วนประกอบสำคัญที่สุด นั้นคือ นิวเคลียส ซึ่งเป็นก้อนแข็งมีโครงสร้างแบบที่เรียกว่า "ก้อนหิมะสกปรก" มีองค์ประกอบหลักเป็น หิน น้ำแข็ง ฝุ่น และ แก๊สเยือกแข็งอีกบางชนิด เช่นคาร์บอนไดออกไซด์ แอมโมเนีย มีเทน

เมื่อดาวหางเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ ความร้อนจากดวงอาทิตย์ทำให้น้ำแข็งระเหิดออกเป็นไอ และพ่นออกเป็นลำจากนิวเคลียสตามจุดที่เป็นช่องเปิดบนพื้นผิว

ไอน้ำที่พ่นออกมาได้หอบเอาฝุ่นที่ปะปนอยู่ออกมาด้วย แก๊สและฝุ่นที่พ่นออกมาก่อตัวเป็นชั้นเมฆเบาบางห่อหุ้มก้อนน้ำแข็งอยู่ เรียกว่า โคมา ยิ่งดาวหางเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากขึ้น อัตราการคายแก๊สและฝุ่นก็เพิ่มขึ้น โคมาของดาวหางก็จะใหญ่ขึ้นมาก

เมื่อรังสีและลมสุริยะจากดวงอาทิตย์พัดมาถึงดาวหาง ก็จะกวาดให้แก๊สและฝุ่นให้ปลิวไปด้านหลังจนมองเห็นเป็นหาง อันเป็นเอกลักษณ์ของดาวหาง นั้นเอง

ปรากฏการณ์ดาราศาสตร์ ก่อนสิ้น ตุลาคม 2568 

และไม่เพียง ดาวหาง C/2025 A6 (Lemmon) ที่กำลังจะปรากฎใกล้โลกที่สุดในวันที่ 21 ตุลาคม นี้ แล้ว ยังมีอีก ดาวข้าง C/2025 R2 (Swan) หรือ "ดาวหางสวอน" อีกด้วย โดยดาวหางจะโคจรเข้าใกล้โลกที่สุดในช่วงวันที่ 20 ตุลาคม 2568 ทั้งนี้ ดาวหางได้ผ่านตำแหน่งที่เข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุดไปแล้ว จึงไม่มีค่าคาดการณ์ความสว่างสูงสุด ใครสนใจสามารถเช็กตำแหน่งปัจจุบันของดาวหางได้ที่เว็บไซต์ theskylive 

และในวันที่ 25 ตุลาคม 2568 ดาวเคียงเดือน ดาวแอนทาเรสเคียงดวงจันทร์ สังเกตได้ทางทิศตะวันตก หลังดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า จนถึงเวลาประมาณ 20.00 น. และวันที่ 30 ตุลาคม 2568 ดาวพุธอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ ไปทางทิศตะวันออกมากที่สุด สังเกตได้ทางทิศตะวันตก เวลาประมาณ 18.30 น. จนถึงเวลา 19.19 น.

อ้างอิงข้อมูล : สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ, สมาคมดาราศาสตร์ไทย

อ่านข่าว : ปรากฏการณ์ดาราศาสตร์ที่น่าสนใจ เดือน ตุลาคม 2568

มนุษย์ที่ไม่รู้จักคำว่า "เสียใจ" ถอดรหัสสมองของ "ไซโคพาธ"

ปฏิทินตุลาคม 2568 วันหยุดแน่น เตรียมพักผ่อน-เที่ยวพร้อมหน้า