วันนี้ (17 ต.ค.2568) โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปิดเผยผ่าน ทรูธ โซเชียล ว่า เพิ่งได้ต่อสายพูดคุยกับวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย เป็นเวลานานกว่า 2 ชั่วโมง โดยระบุว่าการสนทนาเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ และทั้งสองฝ่ายตกลงจะพบปะกันที่กรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ภายใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อหารือแนวทางยุติสงครามในยูเครน
ด้าน วิคเตอร์ ออร์บาน นายกรัฐมนตรีฮังการี เคลื่อนไหวทันทีผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ยืนยันว่าฮังการีพร้อมจัดประชุมดังกล่าว พร้อมระบุว่า "นี่เป็นข่าวดีสำหรับประชาชนผู้รักสันติภาพทั่วโลก"
การประชุมกำลังจะเกิดขึ้นครั้งนี้จะถือเป็นการเดินทางเยือนยุโรปครั้งแรกในรอบหลายปีของปูติน ซึ่งไม่ได้เยือนเมืองหลวงของสหภาพยุโรปมาหลายปีเลยนับตั้งแต่เปิดฉากรุกรานยูเครนอย่างเต็มรูปแบบในปี 2022 เหตุผลสำคัญคือปูตินกำลังเผชิญกับหมายจับจาก ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ในข้อหาอาชญากรรมสงคราม แต่ฮังการีกำลังถอนตัวจากศาลอาญาระหว่างประเทศ ดังนั้นรัฐบาลฮังการีสามารถโต้แย้งได้ว่าหมายจับดังกล่าวจะไม่มีผลในประเทศ
"เซเลนสกี" เตรียมพบ "ทรัมป์" คาดขอโทมาฮอว์กหนุนสู้รัสเซีย
ขณะเดียวกัน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน เตรียมเดินทางไปยังทำเนียบขาวในวันศุกร์ 17 ต.ค. ตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐฯ เพื่อหารือกับทรัมป์เกี่ยวกับสงครามในยูเครนและขอแรงสนับสนุนทางทหารเพิ่มเติม โดยมีการคาดการณ์ว่าประเด็น "ขีปนาวุธร่อนพิสัยไกล Tomahawk" จะเป็นหนึ่งในหัวข้อหลักของการพูดคุยครั้งนี้
ก่อนหน้านี้ในเดือน ก.ย. เซเลนสกีได้ร้องขอให้สหรัฐฯ ขายขีปนาวุธดังกล่าวให้กับประเทศในยุโรปที่จะส่งอาวุธดังกล่าวไปยังยูเครนเพื่อต้านทานการรุกรานของรัสเซีย แต่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า Tomahawk จะถูกส่งอย่างไรหรือผ่านประเทศใดบ้าง
นับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครนอย่างเต็มรูปแบบในปี 2022 ยูเครนได้ผลักดันให้สหรัฐฯ จัดส่งขีปนาวุธ Tomahawk ซึ่งมีพิสัยโจมตีถึงกรุงมอสโก โดยยืนยันว่าจะใช้เฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเท่านั้น ขณะที่รัสเซียเตือนว่าการส่งอาวุธชนิดนี้จะถือเป็นการยกระดับความขัดแย้งอย่างร้ายแรง และทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซียตึงเครียดขึ้น
ขีปนาวุธชนิดนี้ซึ่งถูกมองว่าอาจเป็นตัวเปลี่ยนเกมสงครามรัสเซีย-ยูเครน มีพิสัยการโจมตีได้ไกลถึง 2,500 กิโลเมตร ซึ่งเป็นพิสัยที่สามารถยิงจากดินแดนของยูเครนไปถึงกรุงมอสโกได้อย่างง่ายดาย โดยสามารถบินในระดับความสูงเพียงไม่กี่สิบเมตรเหนือพื้นดิน ซึ่งทำให้ยากต่อการถูกสกัดกั้น
นอกจากนี้ ขีปนาวุธชนิดนี้ยังมีความแม่นยำในการโจมตีเป้าหมายด้วยระบบนำวิถีขั้นสูง แต่อุปสรรคสำคัญของการส่งมอบขีปนาวุธชนิดนี้ให้ยูเครนคือการหาสถานที่ที่เหมาะสำหรับยิงขีปนาวุธชนิดนี้ เนื่องจากขีปนาวุธ Tomahawk ถูกออกแบบมาเพื่อให้ใช้กับเรือรบและเรือดำน้ำเป็นหลัก ซึ่งยูเครนยังไม่มีเรือที่รองรับระบบดังกล่าว
แม้ว่ากองทัพสหรัฐฯจะพัฒนาแท่นยิงภาคพื้นดินรุ่นใหม่ขึ้นมาแล้ว แต่กองทัพยูเครนจำเป็นต้องผ่านการฝึกฝนอย่างเข้มข้นก่อนจึงจะสามารถใช้งานจริงได้และการจะใช้งานขีปนาวุธพิสัยไกลชนิดนี้ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด จำเป็นต้องอาศัยหน่วยข่าวกรองที่แม่นยำจากสหรัฐฯ อีกด้วย
ยูเครนตัดไฟฉุกเฉินหลังรัสเซียมุ่งเป้าโจมตีแหล่งพลังงาน
อีกด้านหนึ่ง เมือง Lozova ในภูมิภาคคาร์คีฟของยูเครน ตามท้องถนนและบ้านเมืองตกอยู่ในความมืดมิด หลังจากหลายจุดทั่วประเทศตกเป็นเป้าการโจมตีของรัสเซีย ซึ่งมุ่งเป้าไปที่โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน
การโจมตีลักษณะดังกล่าวของรัสเซียทำให้เมื่อวานนี้ยูเครนต้องประกาศตัดไฟฟ้าฉุกเฉินทั่วประเทศเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน ซึ่งรัสเซียได้เปิดปฏิบัติการทางทหารมุ่งเน้นโจมตีไปที่โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของยูเครนอย่างต่อเนื่องในฤดูหนาวของทุกปี นับตั้งแต่เปิดฉากบุกยูเครน ส่งผลให้ยูเครนต้องประกาศตัดไฟฟ้าฉุกเฉินและต้องนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศ
ด้านกองทัพรัสเซีย ระบุว่า ได้เปิดฉากโจมตีครั้งใหญ่โดยมุ่งเป้าที่ไปที่แหล่งพลังงานของยูเครน โดยใช้ขีปนาวุธและโดรนในการโจมตี ซึ่งก่อนหน้านี้มีรายงานว่า การโจมตีของรัสเซียทำให้การผลิตแก๊สของยูเครนต้องหยุดชะงักไปประมาณร้อยละ 60 และการโจมตีโรงไฟฟ้าทำให้ประชาชนหลายแสนคนไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้
ขณะที่กองทัพอากาศยูเครน ระบุว่า รัสเซียได้ยิงโดรน 320 ลำ และขีปนาวุธ 37 ลูก โดยยูเครนสามารถสกัดโดรนได้ 283 ลำ และขีปนาวุธอีก 5 ลูก
อ่านข่าว : ผู้นำเกาหลีใต้ยกหูหารือ "อนุทิน" ย้ำไทยเป็นมิตรประเทศสำคัญ