การประชุม คณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ “บอร์ดปราบสแกมเมอร์” ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และรัฐมนตรีมหาดไทย เป็นประธาน นัดแรก
หลังจากเกิดคำถามสำคัญ เมื่อไหร่รัฐบาลจะเดินหน้าขับเคลื่อนเรื่องนี้อย่างจริงจังเสียที ปล่อยให้เกาหลีใต้ ที่ขยับตัวทีหลัง จากกรณีคนเกาหลีใต้ตกเป็นเหยื่อและถูกหลอกให้ไปทำงานกับแก๊งสแกมเมอร์ในกัมพูชา และบางส่วนหายสาบสูญ ยังไม่นับบางรายที่พบว่าเสียชีวิต ตอนนี้ขยับนำหน้าไปแล้ว
เกาหลีใต้ส่งทีมพิเศษเฉพาะกิจ นำโดยรัฐมนตรีช่วยกระทรวงการต่างประเทศ นางคิม จีน่า เดินทางไปกัมพูชาและเข้าพบนายฮุน มาเน็ต นายกฯ กัมพูชา เพื่อหารือ และขอให้ความร่วมมือในการติดตามหาข้อเท็จจริงให้กระจ่าง รวมทั้งบุกไปตรวจสอบอาคารปริศนาที่เชื่อว่าเป็นศูนย์กลางของแก๊งสแกมเมอร์
ขณะที่ไทยอยู่ติดกับกัมพูชาแท้ๆ แต่ไม่ได้ประสานความร่วมมือ หรือเดินหน้าเอาจริงถึงขั้นทำอย่างที่เกาหลีใต้ทำ ซึ่งในความเป็นจริง ก็ไม่ใช่เรื่องจะทำได้ง่ายๆ ในเมื่อเป็นพื้นที่อธิปไตยของกัมพูชา
การนั่งหัวโต๊ะประชุมครั้งนี้ของนายอนุทิน จึงเป็นที่คาดหวังของหลายภาคส่วน โดยเฉพาะการกำชับแนวทางปฏิบัติ ยกระดับกลไกป้องกันสแกมเมอร์ และแก๊งคอลเซนเตอร์ อย่างเป็นระบบ มีการประสานและทำงานร่วมกันแบบบูรณาการของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ต้องขยับขับเคลื่อน
อย่างน้อยเพื่อสะท้อนให้เห็นว่า ประเทศไทยก็ให้ความสำคัญฯ และเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ ไม่ใช่ปล่อยปละละเลย จนถูกตั้งข้องสังเกตว่า มีใครไปมีเอี่ยวหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มแก๊งเหล่านี้ หรือไม่
หลังจากมีกระแสข่าวปล่อยอ้างที่มาจากเกาหลีใต้ว่า มีรายชื่อนักการเมืองไทยเข้าไปเกี่ยวข้องถึง 7 คน โดยรายชื่อได้ถึงมือสื่อมวลชนแล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้เปิดเผย
ทำเอาร้อนไปทั้งโลกโซเชียล โดยเฉพาะสื่อโซเชียลในไทย ที่โหมกระพือพร้อมเชื่ออย่างสนิทใจว่าเป็นเรื่องจริง ทั้งยังต่อยอดขยายผลถึงขั้นว่า ด้วยเหตุนี้เอง ที่ทำให้ฝ่ายไทยไม่ขยับ หรือขยับอย่างเชื่องช้าสำหรับเรื่องนี้
พล.ท.พงศกร รอดชมภู อดีตรองเลขาธิการ สมช. และปัจจุบัน เป็นอนุกรรมาธิการศึกษากฎหมายด้านความมั่นคง ของกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ สภาผู้แทนฯ เห็นว่า ฝ่ายไทยควรต้องเปิดเกมรุก และแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนต่อเรื่องต่อต้านและการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์อย่างเปิดเผย ในช่วงเวลาที่กัมพูชากำลังถูกโลกปิดล้อมอย่างในขณะนี้
ทั้งเห็นว่า ความจริงไทยน่าจะเดินหน้าอย่างจริงจัง ตั้งแต่รัฐบาลจีนเข้าไปช่วยปราบ “แก๊งมิจ” ที่บริเวณรัฐกะเหรี่ยงติดชายแดนไทย-เมียนมาแล้ว แต่กลับไม่ไปร่วมกับจีน ครั้งนี้กับแก๊งสแกมเมอร์ในกัมพูชา ก็ยังล่าช้า จนถูกตั้งข้อสงสัยเรื่องมีคน “ระดับบิ๊ก” เข้าไปเกี่ยวพันอย่างที่มีกระแสข่าวหรือไม่
พล.ท.พงศกร ซึ่งทำงานคลุกคลีด้านการข่าวและความมั่นคงมาตลอด ระบุชัดว่า อาจจะมีคนไทยหลายกลุ่มอาชีพที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องทั้งโดยตรงและโดยอ้อม ทั้งที่รู้และอาจไม่รู้ จากการลงทุนทำธุรกิจในกัมพูชา ไม่ได้มีเฉพาะคนในเครื่องแบบ หรือฝ่ายการเมือง แต่อาจเป็นเพียงกลุ่มย่อย และถ้าสืบสาวจริง เชื่อว่าจะมีการตัดตอน ไปไม่ถึงตัวใหญ่แน่นอน
ฉะนั้น การกล้าแสดงออกถึงจุดยืนให้ชาวโลกได้เห็น พร้อมเดินหน้าปราบปรามเอาจริง จะได้มากกว่าเสีย
เป็นหนึ่งในเสียงสะท้อนที่ไม่แน่ใจว่า จะดังไปถึงศูนย์กลางอำนาจหรือ”บอร์ด”ปราบสแกมเมอร์หรือไม่
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส
อ่านข่าว : วิกฤตเด็กเกิดน้อย มูลนิธิศูนย์นมแม่ฯ ชู “นมแม่” สร้างต้นทุนมนุษย์ของชาติ
ไทยสร้างขยะอาหารปีละ 10 ล้านตัน ทส.ตั้งเป้า 4 เดือน Zero Food Waste