วันนี้ (23 ต.ค.2568) รอยเตอร์ส รายงานว่าราคาน้ำมันดิบโลกปรับตัวพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเพิ่มขึ้นกว่า 1 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ส่งผลให้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) ปรับตัวสูงขึ้น 1.94 ดอลลาร์ หรือร้อยละ 3.10 สู่ระดับ 64.53 ดอลลาร์/บาร์เรล เช่นเดียวกับสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียต (WTI) ที่เพิ่มขึ้น 1.91 ดอลลาร์ หรือ ร้อยละ 3.26 แตะ 60.41 ดอลลาร์/บาร์เรล
การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันเกิดขึ้นทันทีหลังจากที่สหรัฐอเมริกา ภายใต้การนำของ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศมาตรการคว่ำบาตรบริษัทน้ำมันสัญชาติรัสเซียรายใหญ่ 2 แห่ง ได้แก่ รอสเนฟท์ (Rosneft) และลุคออย (Lukoil) เพื่อกดดันให้รัสเซียแสดงความมุ่งมั่นในการยุติสงครามในยูเครนให้มากขึ้น การประกาศครั้งนี้เกิดขึ้นเพียง 1 วันหลังจากที่ทรัมป์ระบุว่าจะเลื่อนการหารือโดยตรงกับ ปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ที่กรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ออกไปอย่างไม่มีกำหนด
ทรัมป์กล่าวในการให้สัมภาษณ์ว่า การสนทนากับผู้นำรัสเซียทุกครั้งมักมีบรรยากาศที่ดีและสร้างสรรค์ แต่หลังจากนั้นรัสเซียก็ไม่เคยแสดงความคืบหน้าใด ๆ ทำให้เขามองว่ามาตรการคว่ำบาตรล่าสุดนี้จะช่วยให้ปูติน "ใช้เหตุผลมากขึ้น" ในการตัดสินใจยุติความขัดแย้ง
ด้านกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ชี้ว่าการแบนบริษัทน้ำมันเหล่านี้ จะช่วยทำลายความสามารถของรัสเซียในการระดมทุนเพื่อสนับสนุนสงครามต่อไป โดยจะตัดเส้นทางการเงินที่รัสเซียใช้ในการส่งออกน้ำมัน ซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักของรัฐบาล กระทรวงยังเรียกร้องให้รัสเซียหยุดการเข่นฆ่าและยอมรับข้อตกลงหยุดยิงทันที เพื่อเปิดทางสู่สันติภาพในยูเครน
อ่านข่าวอื่น :
"ทนายเดชา" ชี้ "กัน จอมพลัง" อาจเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.คอมฯ-ฉ้อโกง ปมมูลนิธิ
ลูฟวร์เปิดแล้ว! ผอ.ยอมรับ กล้องวงจรปิดเก่า-ไม่พอ จุดอ่อนถูกโจรกรรม