พระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ต่อวงการศิลปวัฒนธรรม ก่อให้เกิดรากฐานและความภาคภูมิในการอนุรักษ์และฟื้นฟูนานัปการ หนึ่งในนั้นคือ "ชุดไทยพระราชนิยม" ที่ส่งผลต่อการสานต่องานผ้าไทย และกำลังจะกลายเป็นมรดกภูมิปัญญาที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติของ UNESCO ภายในปี 2569
ไทยบันเทิง Thai PBS พาย้อนต้นทางพระอัจฉริยภาพด้านแฟชั่น เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
ความงดงามวิจิตร จากชุดฉลองพระองค์จริง ในพิพิธภัณฑ์ผ้า ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สะกดสายตาผู้ชมและหากยิ่งได้รู้ที่มาของ "ชุดไทยพระราชนิยม" ที่จัดแสดง ยิ่งสะท้อนถึงพระพระอัจฉริยภาพด้านแฟชั่นของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผู้ทรงริเริ่ม ฟื้นฟู และส่งต่อมรดกของชาติให้แก่คนไทย
ชุดไทยจิตรลดา เป็นชุดไทยพิธีตอนกลางวัน ผ้าซิ่นป้ายเป็นผ้าไหมยกดอกมีเชิงหรือยกดอกทั้งตัว เสื้อแขนยาว ผ่าอก คอกลม มีขอบตั้ง (ภาพจาก หน่วยราชการในพระองค์)
ชุดไทยจิตรลดา เป็นชุดไทยพิธีตอนกลางวัน ผ้าซิ่นป้ายเป็นผ้าไหมยกดอกมีเชิงหรือยกดอกทั้งตัว เสื้อแขนยาว ผ่าอก คอกลม มีขอบตั้ง (ภาพจาก หน่วยราชการในพระองค์)
ย้อนไปเมื่อครั้งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จะโดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชดำเนินเยือนสหรัฐอเมริกาและยุโรปอย่างเป็นทางการ ในปี พ.ศ. 2503 ครั้งนั้นมีพระราชดำริว่า สตรีไทยยังไม่มีเครื่องแต่งกายประจำชาติเหมือนที่อื่น ๆ เช่น ชุดส่าหรีของสตรีอินเดีย ชุดกิโมโนของสตรีญี่ปุ่น จึงทรงศึกษาค้นคว้า ทั้งจากอาจารย์ด้านประวัติศาสตร์ รวมถึงหาพระรูปพระมเหสีของรัชกาลก่อน และของเจ้านายพระองค์อื่น ๆ และโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้มีการตัดเย็บเพื่อใช้ในการเสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศครั้งนั้น นับเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิด "ชุดไทยพระราชนิยม"
ที่มา : หนังสือรัตนราชินีศรีประเทศ
ที่มา : หนังสือรัตนราชินีศรีประเทศ
ต่อมาได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ข้าราชบริพารในพระองค์จัดแสดงชุดไทยพระราชนิยมขึ้นในงานฉลองครบรอบร้อยปีกาชาด ณ เวทีลีลาศสวนอัมพร ในปี พ.ศ. 2507 และได้มีพระราชานุญาตให้จัดพิมพ์สมุดภาพ "หญิงไทย" เผยแพร่การแต่งกายชุดไทยพระราชนิยม 5 ชุดคือ ชุดไทยเรือนต้น, ไทยจิตรลดา, ไทยอมรินทร์, ไทยบรมพิมาน, ไทยจักรี และต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สร้างสรรค์ขึ้นอีก 3 แบบ คือ ชุดไทยดุสิต, ไทยจักรพรรดิ และไทยศิวาลัย ซึ่งชุดไทยทั้ง 8 แบบนี้ได้กลายเป็นมาตรฐานของชุดประจำชาติ ที่ต่อมาเกิดการประยุกต์เป็นชุดไทยอีกหลาย ๆ แบบ และสิ่งที่สืบเนื่องต่อมาก็คือการฟื้นฟูผ้าไทยท้องถิ่นผ่านงานศิลปาชีพ จนเป็นที่นิยมแพร่หลาย
ชุดไทยศิวาลัย ชุดไทยแบบนี้ใช้ในงานพิธีเต็มยศ ทั้งกลางวันและกลางคืน เป็นแบบเดียวกับชุดไทยบรมพิมาน แต่มีผ้าสไบห่มทับ (ภาพจาก หน่วยราชการในพระองค์)
ชุดไทยศิวาลัย ชุดไทยแบบนี้ใช้ในงานพิธีเต็มยศ ทั้งกลางวันและกลางคืน เป็นแบบเดียวกับชุดไทยบรมพิมาน แต่มีผ้าสไบห่มทับ (ภาพจาก หน่วยราชการในพระองค์)
ปัจจุบันหนึ่งวาระแห่งชาติด้านวัฒนธรรมของประเทศไทยก็คือ การเสนอ "ชุดไทย: ความรู้ งานช่างฝีมือ และแนวปฏิบัติการแต่งกายชุดไทยประจำชาติ" ต่อองค์การยูเนสโก เพื่อขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ซึ่งคาดว่าจะได้รับการประกาศภายในปี พ.ศ. 2569
ด้วยชุดไทยสะท้อนอัตลักษณ์ของความเป็นไทยผ่านศิลปะการตัดเย็บ การเลือกใช้ผ้า และลวดลายที่อ่อนช้อยงดงาม งานช่างฝีมือ อันเกิดขึ้นจากการสั่งสมองค์ความรู้และฝีมือของช่างในแต่ละท้องถิ่นทั่วประเทศ นับเป็นพระอัจฉริยภาพที่สร้างความภาคภูมิใจ และเป็นสิ่งที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงมอบไว้ให้เป็นมรดกแก่คนไทย
ที่มาภาพ : หนังสือรัตนราชินีศรีประเทศ
อ่านข่าว : ตำรวจแจ้งเส้นทาง ขบวนเคลื่อนพระบรมศพ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง
“ถ้าไม่มีใครดู ฉันจะดูเอง” พระดำรัส “สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง” พลิกฟื้นโขน
สื่อต่างประเทศ รายงานข่าว "สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง" สวรรคต











