แม้จะเคยเรียนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 แต่เด็กชาติพันธุ์ลาหู่ในหมู่บ้านกองผักปิ้ง ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ กลุ่มนี้ ยังต้องรื้อฟื้นความรู้วิชาภาษาไทยจากครูอาสา เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้าเรียนอีกครั้งในรูปแบบการศึกษานอกระบบ หลังเด็กๆ ต้องเลิกเรียนกลางคันเพราะปัญหาครอบครัว
โรงเรือนเล็กๆ แห่งนี้ คือ ที่ตั้งกลุ่ม"ด้วยใจรัก" อันเป็นพื้นที่ปลอดภัย และ จุดรวมตัวของเด็กๆ กว่า 30 คน ในการพบปะครูอาสา และ ทำกิจกรรมสร้างสรรค์ต่างๆ อย่างวันนี้ เด็กๆ ช่วยกันดูแลไก่ ทำความสะอาดเล้า เปลี่ยนน้ำ ให้อาหาร และ เก็บไข่ไก่จากรัง แม้แม่ไก่จะยังให้ไข่ไม่พอขาย แต่ถือเป็นการเรียนรู้ที่อาจต่อยอดเป็นอาชีพเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่
เยาวชนชายอายุ 18 ปี คือ หนึ่งในสมาชิกกลุ่ม"ด้วยใจรัก"ที่เลิกเรียนด้วยเหตุผลส่วนตัว เขายอมรับว่าเคยสูบบุหรี่ ดื่มน้ำกระท่อม และ สูบกัญชา ซึ่งเป็นสิ่งเสพติดที่หาได้ง่าย แต่จุดเปลี่ยนที่ชักนำให้ชีวิตเข้าไปอยู่ในภาวะเสี่ยงมากขึ้น เกิดขึ้นขณะอายุได้ 16 ปี เมื่อผู้ใหญ่ในครอบครัวคนหนึ่งซึ่งมีพฤติกรรมเสพยาบ้า ได้สั่งให้เขานำยาบ้าไปส่งลูกค้า ด้วยความที่อยากจะได้เงินมาใช้จ่าย จึงยอมทำตาม แม้ส่วนลึกจะรู้ว่าเป็นสิ่งที่ผิด และ ยังกลัวว่าจะถูกตำรวจจับเข้าคุก
เยาวชนชายอายุ 18 ปี
เยาวชนชายอายุ 18 ปี
กระทั้งได้มาพบกับไมตรี จำเริญสุขสกุล ผู้ก่อตั้งกลุ่ม"ด้วยใจรัก" ซึ่งพยายามให้คำแนะนำ และ ขอให้เลิกเสพสิ่งเสพติด กระท่อม และ กัญชา รวมทั้งเลิกยุ่งเกี่ยวกับการค้ายาบ้า และ หาช่องทางให้เขาได้กลับมาเรียนต่ออีกครั้ง
ตอนนี้ผมมีรายได้จากการส่งวัสดุก่อสร้างได้ค่าจ้างวันละ 350 บาท โดยในแต่เดือนจะขอลาหยุด 1 วัน ในวันที่ครูเดินทางมาสอนหนังสือ หากไม่ได้มา ก็จะเรียนผ่านทางออนไลน์ ผมวางแผนไว้ว่าถ้าเรียนจบ จะไปเรียนต่อช่างยนต์ที่อำเภอฝาง เพื่อจะเป็นช่างซ่อมรถ และ เปิดอู่ของตัวเองครับ
เด็กหญิงวัย 16 ปี ก็เป็นสมาชิกกลุ่ม"ด้วยใจรัก"อีก 1 คน ที่เลิกเรียนขณะอยู่ชั้น ป 5 เพราะครอบครัวไม่มีเงิน จนเมื่อได้เข้ามาอยู่ในกลุ่ม และ ได้กลับมาเรียนอีกครั้ง ทำให้มีความหวังว่าจะเรียนต่อจนจบ ม6 และ ตั้งเป้าหมายว่าจะได้ศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย
เด็กหญิงวัย 16 ปี
เด็กหญิงวัย 16 ปี
เธอยอมรับว่าตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็ก ก็เห็นวัยรุ่นในหมู่บ้าน ดมกาว และ ดื่มน้ำกระท่อม บางคนเสพยาจนมีพฤติกรรมแปลกๆ ไม่น่าคบหา ส่วนผู้ใหญ่ที่ดื่มเหล้า ก็มักจะทะเลาะและตีกันเป็นประจำ
อยากให้ผู้ใหญ่ช่วยห้าม และ เตือนเจ้าของร้านค้า เพราะเวลาไปซื้อเหล้า หรือ บุหรี่ เขาก็ขายให้หมดเลย แม้กับเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ เขาก็ขายให้
ไมตรี จำเริญสุขสกุล ผู้ก่อตั้งกลุ่ม"ด้วยใจรัก" เล่าถึงที่มาในการตั้งกลุ่ม"ด้วยใจรัก"ว่า เด็กกลุ่มนี้ เป็นเด็กที่มีความเปราะบางเพราะครอบครัวมีปัญหามากมาย เด็กบางคนเป็นเด็กดีแต่พ่อถูกจับ เมื่อพ่อกลับมา ก็กลายเป็นคนแปลกหน้า และ ระหว่างที่พ่อไม่อยู่ เขาต้องหยุดเรียน และ ใช้ชีวิตที่ไม่ปกติ ต้องต่อสู้ทำมาหากิน ขโมยบ้าง อะไรบ้าง จนในที่สุดชุมชนก็ไม่ยอมรับ และ อยากจะให้ออกจากหมู่บ้านไป
ไมตรีบอกว่า หากทำความเข้าใจเด็กๆ กลุ่มนี้อย่างลึกซึ้งจริงๆ จะรู้ว่าสาเหตุที่เขาสร้างปัญหา เกิดจากครอบครัวที่ไม่อบอุ่น เกิดจากพ่อแม่หย่าร้าง เกิดขึ้นจากการที่เขาไม่มีโอกาส เช่น เมื่อเราถามว่าทำไมไม่ได้เรียนหนังสือ เขาบอกว่าไม่อยากเรียน คำตอบนี้อาจจะทำให้รู้สึกว่าเขาไม่เอาใจใส่การเรียน แต่จริงๆแล้ว หากเราเป็นเขาก็จะรู้ว่าการเรียนไม่สำคัญ หากชีวิตของคนคนนั้น ไม่มีบ้าน ไม่มีที่หลับที่นอน เขาจะเอาใจใส่กับการเรียนได้อย่างไร
สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับเด็กหลายคน จึงไปขอโอกาสจากผู้นำหมู่บ้าน ขอสร้างเด็กกลุ่มนี้ดูก่อน และ ปรากฏว่าเด็กก็เริ่มเปลี่ยน อย่างน้อยที่สุด คือ เปิดมุมมองเขาว่าชีวิตไม่ได้ตันอยู่แค่นี้ เขายังมีอนาคต ยังเรียนใหม่ได้ อาจไม่ใช่โรงเรียนที่ต้องเดินไปเรียนเหมือนเด็กทั่วไป แต่เรียนนอกระบบ เรียนหน้าบ้านตัวเองได้
ไมตรีบอกอีกว่า นอกจากปัญหาการเรียน เด็กๆ ในหมู่บ้าน ยังถูกชักชวนเข้าสู่วงจรการค้ายาเสพติด เพราะต้องการเงิน เด็กรับจ้างขนยา แต่ละรอบได้เงิน 5,000 บาทบ้าง 10,000 บาทบ้าง แต่ระหว่างทางหาไปเจอกับเจ้าหน้าที่ ทั้งชีวิตก็จบตรงนั้น บางคนถูกยิงตาย บางคนก็ถูกจับ ถ้าถามว่าทำไมต้องทำแบบนี้ เขาก็คงตอบเราว่า ชีวิตไม่มีทางเลือก มันยากที่เราจะให้คนข้างนอกเข้าใจ เพราะคนก็ตัดสินไปก่อนแล้วว่าผู้ที่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด เป็นเด็กไม่ดี เบื้องลึกไม่มีใครอยากยุ่งเกี่ยวยาเสพติด แต่อยากเป็นคนดี อยากเรียนหนังสือ อยากเติบโตมีงาน มีอนาคตที่ดี
ไมตรี จำเริญสุขสกุล ผู้ก่อตั้งกลุ่ม
ไมตรี จำเริญสุขสกุล ผู้ก่อตั้งกลุ่ม"ด้วยใจรัก"
การตั้งกลุ่ม"ด้วยใจรัก" ทำให้เด็กๆ เริ่มเปลี่ยน เริ่มเห็นโอกาสใหม่ เริ่มเห็นว่าอนาคตต้องวางแผนยังไง เด็กที่เคยติดกระท่อม ติดบุหรี่ ติดยาก็เริ่มเลิกได้หลายคน ถ้าผู้ใหญ่ให้โอกาสเขาสอนเขา พร้อมทั้งนำสิ่งดีๆให้เขา เขาก็เปลี่ยนได้ เด็กบางคนไม่มีโอกาสแม้กระทั่งชีวิตแต่ละวันจะมีข้าวกินครบวันละ 3 มื้อ
วัชรพงศ์ พุ่มชื่น มูลนิธิศูนย์วิชาการสารเสพติด บอกว่าเด็กๆ กลุ่มนี้ เป็นเหมือนคนที่ถูกลืมในชุมชน ถูกครอบครัวปล่อยปละละเลย ผู้นำหมู่บ้านไม่อยากพูดถึง จึงมีโอกาสที่จะเสี่ยงเข้าไปสู่วงจรมืด ไม่ใช่แค่เรื่องยาเสพติด แต่เป็นภัยอื่นๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นผู้ชาย หรือ ผู้หญิง สิ่งสำคัญที่สุด คือ เราต้องออกแบบวิธีแก้ปัญหา ฟังเสียงของเขาให้มากพอ และ อุดหนุนทรัพยากรในการทำกิจกรรมสร้างสรรค์ต่างๆ เพื่อนำไปสู่การป้องกันไม่ให้น้องๆกลุ่มนี้ เข้าไปสู่วงจรความเสี่ยง
วัชรพงศ์ พุ่มชื่น มูลนิธิศูนย์วิชาการสารเสพติด
วัชรพงศ์ พุ่มชื่น มูลนิธิศูนย์วิชาการสารเสพติด
งานต้นน้ำคืองานป้องกัน เป็นหัวใจสำคัญที่ผู้คนในสังคม โดยเฉพาะฝั่งนโยบายหน่วยงานราชการต้องให้ความสำคัญ เราจะทำยังไงเพื่อไม่ให้คนรุ่นใหม่ หรือ ลูกหลานของเรา ยกระดับพฤติกรรมเข้าไปสู่ความเสี่ยง หรือ ตกเป็นเครื่องมือของเครือข่ายค้ายาเสพติด ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นหัวใจสำคัญ และ อาจจะเป็นทางออกในระยะยาวของสังคมไทยก็ได้











