เมื่อวันที่ 4 พ.ย.2568 ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ CNN รายงาน การเมืองสหรัฐฯ กำลังเข้าสู่ยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน โดยเฉพาะในพรรคเดโมแครตที่กำลังหาทางปรับตัวให้เข้ากับฐานเสียงรุ่นใหม่และชนชั้นกลางล่างที่เริ่มหันหลังให้กับนักการเมืองสายกลางเก่าแก่
ล่าสุด ชัยชนะของ "โซห์ราน มัมดานี" ในการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนิวยอร์ก เมื่อคืนวันอังคารที่ 4 พ.ย.2568 ถือเป็นสัญญาณสำคัญที่บ่งบอกถึงการพลิกผันนี้ มัมดานีไม่ใช่แค่นักการเมืองหน้าใหม่ แต่เป็นสัญลักษณ์ของ "การเปลี่ยนแปลง" ที่ฝ่ายซ้ายเฝ้ารอคอยมานาน
"มัมดานี" จากผู้อพยพสู่ผู้นำเมืองใหญ่
ย้อนดูประวัติของมัมดานี จะเห็นภาพชายหนุ่มที่เติบโตมาจากรากฐานที่ห่างไกลจากอำนาจการเมืองแบบดั้งเดิม เขาเกิดเมื่อปี 2535 ในกรุงคัมปาลา เมืองหลวงของยูกันดา ประเทศในแอฟริกาตะวันออก ซึ่งเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งทางชาติพันธุ์และการเมืองไม่มั่นคง
พ่อของเขาเป็นชาวอินเดียเชื้อสายกุจราตีที่ย้ายถิ่นฐานมาอาศัยในยูกันดา ขณะที่แม่เป็นชาวยูกันดาเชื้อสายอินเดียเช่นกัน ครอบครัวมัมดานีเป็นมุสลิมนิกายชีอะห์ ซึ่งเป็นกลุ่มน้อยในสังคมยูกันดาที่ส่วนใหญ่เป็นคริสเตียนและมุสลิมนิกายซุนนี เมื่ออายุได้เพียง 5 ขวบ ครอบครัวต้องอพยพหนีภัยสงครามและความยากจน มุ่งหน้าสู่สหรัฐฯ โดยตั้งรกรากในควีนส์ นิวยอร์ก ซึ่งเป็นย่านที่เต็มไปด้วยผู้อพยพจากทั่วโลก
ชีวิตวัยเด็กของมัมดานีในนิวยอร์กไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เขาเติบโตในครอบครัวชนชั้นกลางล่าง พ่อแม่ทำงานหนักเพื่อเลี้ยงดูลูก 4 คน โดยพ่อเป็นวิศวกรโยธา ส่วนแม่เป็นนักสังคมสงเคราะห์ มัมดานีเคยเล่าว่า เขาได้เรียนรู้เรื่องความเหลื่อมล้ำตั้งแต่เด็ก จากการเห็นเพื่อนบ้านที่เป็นผู้อพยพต้องดิ้นรนกับค่าเช่าบ้านที่พุ่งสูงและระบบการศึกษาที่ไม่เท่าเทียม
เขาจบมัธยมจากโรงเรียนสาธารณะในควีนส์ ก่อนเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย สาขาปรัชญาการเมืองและเศรษฐศาสตร์ ในช่วงเรียนมหาวิทยาลัย มัมดานีเริ่มมีส่วนร่วมกับขบวนการนักศึกษาฝ่ายซ้าย โดยเฉพาะการประท้วงต่อต้านนโยบายสงครามและเรียกร้องสิทธิแรงงาน เขาเคยถูกจับกุมระหว่างการชุมนุมต่อต้านตารางค่าเล่าแพงในปี 2556 ซึ่งกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เขาตัดสินใจก้าวสู่การเมืองเต็มตัว
หลังจบปริญญาตรี มัมดานีทำงานเป็นครูสอนเด็กยากจนในบรูคลิน ก่อนหันมาเป็นนักกิจกรรมเต็มเวลา เขาก่อตั้งกลุ่ม "นิวยอร์กเวิร์กเกอร์ส" เพื่อช่วยเหลือคนงานผู้อพยพต่อรองสิทธิกับนายจ้าง ในปี 2561 เขาชิงตำแหน่งสมาชิกรัฐสภาของรัฐนิวยอร์ก เขต 36 และชนะแบบถล่มทลายด้วยคะแนนกว่าร้อยละ 80 ตั้งแต่นั้นมา มัมดานีกลายเป็นดาวรุ่งของฝ่ายซ้ายในเดโมแครต โดยผลักดันกฎหมายขยายสิทธิสตรี การดูแลสุขภาพฟรีสำหรับเด็ก และการลดภาษีสำหรับชนชั้นกลางล่าง ประสบการณ์เหล่านี้หล่อหลอมให้เขาเป็นนักการเมืองที่ "จริงใจ" และ "ไม่ยอมประนีประนอม" ตามคำนิยมจากเพื่อนร่วมพรรค
จากไม่มีเงินทุนสู่ทำเนียบ เกมพลิกของ "โซห์ราน มัมดานี"
การหาเสียงชิงนายกเทศมนตรีครั้งนี้เริ่มต้นแบบ "ใต้ดิน" ในปี 2567 มัมดานีไม่มีชื่อเสียง ไม่มีเงินทุนจากกลุ่มทุนใหญ่ และไม่มี "ตระกูลการเมือง" คอยหนุนหลัง ต่างจากคู่แข่งอย่าง แอนดรูว์ คูโอโม ลูกชายอดีตผู้ว่าฯ ที่มีเครือข่ายกว้างขวาง
เขาเริ่มจากฐานเสียงในย่านผู้อพยพ ใช้โซเชียลมีเดียอย่าง TikTok และ Instagram สร้างคลิปสั้น ๆ อธิบายนโยบายแบบเข้าใจง่าย เช่น "ทำไมค่าเช่าบ้านในนิวยอร์กถึงแพงขนาดนี้ ?" ซึ่งกลายเป็นไวรัลและดึงดูดคนรุ่น millennial และ gen Z ได้นับล้านวิว
มัมดานีเน้นนโยบาย progressive ชัดเจน เช่น ดูแลเด็กฟรี ขยายรถไฟฟ้า ลดอิทธิพลทุนเอกชนในที่อยู่อาศัย และเพิ่มบทบาทรัฐในการควบคุมตลาด เขาไม่กลัวที่จะประกาศตัวเป็น "สังคมนิยมประชาธิปไตย" ซึ่งเป็นคำที่รีพับลิกันใช้โจมตี แต่สำหรับฐานเสียงของเขา มันคือ "ความหวัง"
ชัยชนะของมัมดานี ที่เอาชนะคูโอโมร้อยละ 58 ต่อ ร้อยละ 42 และคู่แข่งอีกคนคือ สลิวาที่ได้คะแนนร้อยละ 5 ไม่ใช่แค่นิวยอร์ก แต่เป็นจุดเปลี่ยนของเดโมแครตทั้งหมด พรรคที่กำลังเผชิญวิกฤตหลุดฐานชนชั้นแรงงาน หลังแพ้ทรัมป์ในปี 2568
มัมดานีพิสูจน์ว่าฝ่ายซ้ายสามารถดึงกลุ่มนี้กลับได้ โดยโฟกัสเศรษฐกิจจริง ๆ ไม่ใช่แค่วัฒนธรรม เช่น เสนองานพลังงานสะอาดที่สร้าง 100,000 ตำแหน่งในพลังงานหมุนเวียน สิ่งนี้คล้ายเบอร์นี แซนเดอร์ส แต่ทันสมัยกว่า เพราะใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลหาเสียง เขายังเป็นสัญลักษณ์ความหลากหลาย เพราะเป็นชาวมุสลิมคนแรกจากแอฟริกา ที่อายุน้อยสุดตั้งแต่ "ไฟโธเลียส คาเกน" ในปี 2435 ซึ่งจะช่วยเสริมภาพลักษณ์เดโมแครตต่อฐานผู้อพยพและคนรุ่นใหม่
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายรออยู่อีกมาก ประการแรก อำนาจนายกเทศมนตรีจำกัด ต้องผ่านสภาเมืองที่สายกลาง และผู้ว่าฯ แคธี โฮเคิล ที่ไม่เห็นด้วยกับขึ้นภาษีเพื่อทุนโครงการใหญ่ มัมดานีเคยวิจารณ์ทุนวอลล์สตรีตดุเดือด แต่ตอนนี้ต้อง "เจรจา" เพื่องบประมาณ หากล้มเหลวจะคล้าย "เดอ บลาซิโอ" ที่ถูกวิจารณ์ว่าทำงานครึ่ง ๆ กลาง ๆ ในปี 2560
ประการสอง ศึกกับทรัมป์ ในสุนทรพจน์หลังคว้าชัยชนะ มัมดานีประกาศ "นิวยอร์กคือต้นแบบล้มทรัมป์" และล้อทรัมป์ว่า "เปิดเสียงดัง ๆ ซะ" ซึ่งจะจุดชนวนโจมตีจากฝ่ายขวา พวกเขาจะวาดภาพเป็น "สังคมนิยมสุดโต่ง" ที่นำพาเมืองสู่ล้มละลาย โดยขุดสถิติอาชญากรรมหรือเศรษฐกิจติดลบ
อีกประเด็นคือประเด็นต่างประเทศ มัมดานีเคยประณามอิสราเอลในสงครามกาซา และสัญญาจะจับกุมเนทันยาฮูหากมาเยือน ซึ่งอาจจุดชนวนต่อต้านจากชุมชนยิวในนิวยอร์ก (ที่มีจำนวนประชากรราวร้อยละ 10) และสร้างศึกกับรัฐบาลกลาง นอกจากนี้ ฐานเสียงของเขายังแคบอีกด้วย ผลสำรวจจาก CBS ชี้ร้อยละ 46 ชาวอเมริกันไม่รู้จักเขาเลย ทำให้ฝ่ายตรงข้ามมีช่องโจมตีง่าย
แต่โอกาสก็มีมหาศาล เพราะมัมดานีไร้ "ประวัติเก่า" ไม่มีข้อกล่าวหาแบบคูโอโม ที่ลาออกเพราะข้อกล่าวหาทารุณกรรม มัมดานีสามารถสร้างแบรนด์ใหม่ได้ โดยเริ่มจากนโยบายเร่งด่วนอย่าง "ที่อยู่อาศัยราคาถูก" ซึ่งตอบโจทย์วิกฤต homelessness ในนิวยอร์ก หากประสบความสำเร็จ จะเป็นโมเดลสำหรับเลือกตั้งชิงวุฒิสมาชิกหรือผู้ว่าฯ ในปี 2570 และช่วยฝ่ายซ้ายเดโมแครต "รีแบรนด์" จากภาพ "สุดโต่ง" สู่ "ปฏิบัติได้จริง"
ทรัมป์เดือดจัด! ชัยชนะมัมดานีในนิวยอร์ก
ชัยชนะถล่มทลายของโซห์ราน มัมดานี มุสลิมวัย 33 ปี ที่มีจุดยืนต่อต้านอิสราเอล ในการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนิวยอร์ก ทำให้ทรัมป์เดือดจัด เพราะรีพับลิกันแพ้เรียบทั้ง 3 สนามใหญ่ ได้แก่ นิวยอร์ก, เวอร์จิเนีย, นิวเจอร์ซีย์ ท่ามกลางยอดผู้มาใช้สิทธิ์ทะลุ 2,000,000 คน ซึ่งสูงสุดในรอบ 40 ปี เป็นสัญญาณชัดว่าประชาชนนิวยอร์ก "ตอกกลับ" ทรัมป์แบบไม่เกรงใจ
หลังรู้ผลเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนิวยอร์ก ทรัมป์ถึงกลับจาบจ้วงคนยิวที่เลือกมัมดานี และขู่ตัดงบกลาง ซึ่งก็จะทำให้รัฐบาลกลางอาจทำได้แค่ตั้งงบให้น้อยที่สุดเท่าที่ทำได้ เพื่อกดดันนายกเทศมนตรีคนใหม่
และยังแก้ต่างให้ตัวเองว่า "ถ้ามีชื่อผมให้กา รีพับลิกันก็ชนะไปแล้ว!" และโยนความผิดให้การ shutdown ที่ทำให้ประชาชนไม่พอใจ และเร่งสั่งรีพับลิกันให้กลับสภาคองเกรส ดันกฎหมายฝ่าวิกฤต shutdown ทันที
อ่านข่าวอื่น :
ฟิลิปปินส์เริ่มฟื้นฟูบ้านเรือน "คัลแมกี" ถล่มยอดผู้เสียชีวิตพุ่ง 66 คน
อังกฤษขึ้นบัญชีดำ 39 ราย ไทยโดนด้วยฐานละเมิดกม.คว่ำบาตรรัสเซีย











