วันนี้ (6 พ.ย.2568) นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ประชุมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อกำหนดแนวทางให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์และให้คำแนะนำร้านค้าทุกราย เน้นย้ำร้านค้าต้องติดป้ายแสดงราคาจำหน่ายสุดท้ายที่รวมภาษีไว้แล้ว หากร้านอยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ราคาสินค้าทุกรายการต้องแสดงราคาจำหน่ายที่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 7% ไว้แล้ว
โดยหากร้านค้าที่เป็นร้านอาหาร จะต้องมีการแสดงราคาอาหารและหากมีรายการค่าใช้จ่ายอื่นต้องแสดงไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้ประชาชนได้เปรียบเทียบก่อนซื้อสินค้าหรือเข้ารับบริการ และกรณีร้านค้าที่เข้าโครงการคนละครึ่งพลัส ร้านค้าต้องจำหน่ายสินค้าในราคาที่เท่ากันทั้งผู้ใช้สิทธิ์คนละครึ่งและผู้ชำระเงินสด เพื่อสร้างความเป็นธรรมต่อผู้บริโภคทุกกลุ่ม
สำหรับยอดร้องเรียนเฉพาะคนละครึ่งพลัส พบว่าตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค. – 4 พ.ย. กรมฯได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนทั่วประเทศจำนวน 112 เรื่อง ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายสินค้าในราคาสูงเกินสมควร การไม่ติดป้ายราคา การคิดราคาสินค้าเพิ่มเมื่อใช้สิทธิ์คนละครึ่ง และการแสดงราคาจำหน่ายปลีกไม่ตรงกับราคาที่จำหน่าย ขณะที่กรณีร้องเรียนเรียกเก็บ VAT เพิ่มเติมจากราคาที่ติดป้ายแสดง แต่ถือเป็นพฤติกรรมที่เข้าข่ายเอาเปรียบประชาชนและต้องถูกดำเนินคดีอย่างเข้มงวด
กรมการค้าภายในได้ลงพื้นที่ตรวจสอบร้านค้าที่ถูกร้องเรียนในพื้นที่ เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร โดยเจ้าหน้าที่สายตรวจได้มีการล่อซื้อสินค้าจากร้านค้า และพบพฤติกรรมการจำหน่ายสินค้าในราคาที่สูงขึ้นเมื่อจะใช้สิทธิ์ในโครงการคนละครึ่งพลัส และยังมีการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคโดยไม่ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่าย เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาฝ่าฝืนประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ฉบับที่ 68 พ.ศ. 2568 ข้อ 3 และข้อ 11 เข้าข่ายผิดตามมาตรา 28 และมีโทษตามมาตรา 40 ของพระราชบัญญัติฯ พร้อมปรับเป็นจำนวนเงิน 2,000 บาท
ส่วนในจังหวัดบุรีรัมย์ ตรวจสอบขยายผลจากการร้องเรียน พบว่าร้านค้ายอมรับว่ามีการคิดราคาจำหน่ายสินค้าโดยบวกภาษีมูลค่าเพิ่มจากประชาชนอีก 7% เพิ่มจากราคาป้ายแสดงราคา โดยเจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดแจ้งข้อหาจำหน่ายสินค้าไม่ตรงกับป้ายราคาที่แสดง และปรับเป็นเงินจำนวน 1,000 บาท พร้อมชี้แจงแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้อง ซึ่งร้านค้าได้รับว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง
นอกจากนี้ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดขอนแก่นได้ตรวจสอบร้านค้าธงฟ้าพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นแห่งหนึ่งในตำบลแดงใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น พบว่ามีการรับแลกสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐเป็นเงินสด ทั้งที่ร้านปิดกิจการมานานกว่า 3 เดือน ซึ่งเข้าข่ายผิดเงื่อนไขโครงการ เจ้าหน้าที่ได้เพิกถอนสิทธิ์เข้าร่วมโครงการร้านธงฟ้า และแจ้งกรมบัญชีกลางระงับการใช้งานแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ทันที เพื่อป้องกันการนำสิทธิ์ของประชาชนไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง
นอกจากนี้ ในส่วนของร้านค้าที่เป็น ร้านค้าธงฟ้าทุกแห่ง ต้องปฏิบัติตาม กฎหมายของกรมการค้าภายในและ กฎเหล็กร้านธงฟ้า อย่างเคร่งครัดด้วย ได้แก่ ห้ามแลกสิทธิสวัสดิการเป็นเงินสด ห้ามบังคับซื้อสินค้า ห้ามขายเกินราคา หรือฉวยโอกาสขึ้นราคา ห้ามจำหน่ายสุรา บุหรี่ เบียร์ และห้ามปฏิเสธการใช้สิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ หากฝ่าฝืนจะถูกเพิกถอนสิทธิ์เข้าร่วมโครงการทันที
โดยกรมการค้าภายในยังคงติดตาม ตรวจสอบ และให้ความรู้แก่ร้านค้าทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ปฏิบัติได้ถูกต้องและป้องกันปัญหาความเข้าใจกฎหมายคลาดเคลื่อน และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นร้านค้าฝ่าฝืน ไม่ติดป้ายแสดงราคาจำหน่าย หรือคิดราคาไม่ตรงป้าย หรือฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า สามารถแจ้งเบาะแสหรือร้องเรียนได้ที่ สายด่วนกรมการค้าภายใน โทร. 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อร่วมกันรักษาความเป็นธรรมทางการค้าและคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนอย่างทั่วถึง
อ่านข่าว:
"ศุภจี" ต้องทำความเข้าใจร้านค้า หลังร่วมโครงการคนละครึ่งพลัสคิด Vat เพิ่ม 7 %
ค่าไฟ น้ำมัน อาหารสด ลด กดเงินเฟ้อ ต.ค.ลบ 7 เดือน คาดทั้งปีติดลบ
อังกฤษขึ้นบัญชีดำ 39 ราย ไทยโดนด้วยฐานละเมิดกม.คว่ำบาตรรัสเซีย











