ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ค่าไฟ น้ำมัน อาหารสด ลด กดเงินเฟ้อ ต.ค.ลบ 7 เดือน คาดทั้งปีติดลบ

เศรษฐกิจ
13:07
81
ค่าไฟ น้ำมัน อาหารสด ลด กดเงินเฟ้อ ต.ค.ลบ 7 เดือน คาดทั้งปีติดลบ
อ่านให้ฟัง
07:06อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
สคน. เผย เงินเฟ้อ ต.ค.68 ลด 0.76% ต่อเนื่อง 7 เดือน เหตุสินค้ากลุ่มพลังงาน ค่าไฟฟ้า น้ำมัน ราคาลดลง กลุ่มอาหารสด เนื้อสุกร ไข่ไก่ ผักสด ผลไม้สด และของใช้ส่วนบุคคล ก็ลงด้วย ยังไม่มีสัญญาณเงินฝืด คาดทั้งปีไม่ขยายตัวโต 0% และมีแนวโน้มติดลบ

วันนี้ (5 พ.ย.2568) นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผย ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของไทย เดือน ต.ค.2568 เท่ากับ 100 เมื่อเทียบกับเดือน ต.ค.2567 ลดลง 0.76% เป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 นับจากเดือน เม.ย.2568 ที่ลดลง 0.22% พ.ค.2568 ลดลง 0.57% มิ.ย.2568 ลดลง 0.25% ก.ค.2568 ลดลง 0.70% ส.ค.2568 ลดลง 0.79% และ ก.ย.2568 ลดลง 0.72%

นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์

นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์

นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์

สาเหตุมาจากมาตรการลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนของภาครัฐ ราคาพลังงานตลาดโลกลดลง ส่งผลให้ค่ากระแสไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิงลดลง และมีสินค้าสำคัญที่ราคาลดลง เนื้อสุกร ไข่ไก่ ผักสด และผลไม้สด รวมทั้งของใช้ส่วนบุคคล จากการส่งเสริมการขายของผู้ประกอบการ ส่วนราคาสินค้าและบริการอื่น ๆ ส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อไม่มากนัก และรวมเงินเฟ้อ 10 เดือนของปี 2568 (ม.ค.-ต.ค.) ลดลง 0.09%

เงินเฟ้อติดลบติดต่อกัน 7 เดือน ยังไม่มีสัญญาณเงินฝืด เพราะสาเหตุหลักที่ฉุดเงินเฟ้อมาจากเรื่องพลังงานที่ลดลง เงินบาทแข็งค่า ที่ดึงให้ราคาพลังงานถูกลงอีก และยังมีมาตรการภาครัฐที่ดูแลในเรื่องพลังงาน ค่าไฟฟ้า รวมถึงอาหารสดที่ลดลง โดยเงินเฟ้อไทยเคยติดลบมากสุด 12 เดือน ช่วงเดือน มี.ค.2563-มี.ค.2564

สำหรับรายละเอียดเงินเฟ้อเดือน ต.ค.2568 ที่ลดลง 0.76% มาจากการลดลงของหมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลง 1.10% สินค้าสำคัญที่ลดลง ได้แก่ กลุ่มพลังงาน (ค่ากระแสไฟฟ้า แก๊สโซฮอล์ น้ำมันดีเซล น้ำมันเบนซิน) ของใช้ส่วนบุคคล (น้ำยาระงับกลิ่นกาย โฟมล้างหน้า สบู่ถูตัว แชมพู ผลิตภัณฑ์ป้องกันและบำรุงผิว แป้งผัดหน้า) รถยนต์ ค่าโดยสารเครื่องบิน เสื้อผ้า (เสื้อยืดบุรุษ สตรี และเด็ก เสื้อเชิ้ตบุรุษและสตรี กางเกงขายาวบุรุษ)

และสิ่งที่เกี่ยวกับการทำความสะอาด (ผลิตภัณฑ์ซักผ้า น้ำยารีดผ้า น้ำยาถูพื้น ผลิตภัณฑ์ฟอกผ้าขาว น้ำยาซักผ้าขาว) ส่วนสินค้าสำคัญที่ปรับราคาสูงขึ้น อาทิ ค่าเช่าบ้าน ค่าทัศนาจรต่างประเทศ ค่าบริการขนขยะ ค่าแต่งผมบุรุษและสตรี และอาหารสัตว์เลี้ยง

ส่วนหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ลดลง 0.17% จากการลดลงของราคาสินค้าสำคัญกลุ่มผักสด (ต้นหอม ผักกาดขาว พริกสด มะนาว กะหล่ำปลี ผักชี ขิง มะเขือ) กลุ่มผลไม้สด (องุ่น มะม่วง กล้วยน้ำว้า ส้มเขียวหวาน) ไข่ไก่ เนื้อสุกร ไก่สด และข้าวสารเหนียว ส่วนสินค้าที่ราคาสูงขึ้น อาทิ กลุ่มอาหารสำเร็จรูป (กับข้าวสำเร็จรูป ข้าวราดแกง ก๋วยเตี๋ยว) ข้าวสารเจ้า กลุ่มปลาและสัตว์น้ำ (ปลาทู ปลาช่อน)

กลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ (กาแฟผงสำเร็จรูป กาแฟ (ร้อน/เย็น) เครื่องดื่มรสช็อกโกแลต) กลุ่มเครื่องประกอบอาหาร (น้ำมันพืช กะทิสำเร็จรูป น้ำพริกแกง) และกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำตาล (ขนมหวาน ไอศกรีม) ทางด้านอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ที่หักอาหารสดและพลังงานออก สูงขึ้น 0.61% ชะลอลงเล็กน้อยจากเดือน ก.ย.2568 ที่สูงขึ้น 0.65% รวม 10 เดือน เพิ่มขึ้น 0.87%

ผอ.สนค. กล่าวถึง แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไป เดือน พ.ย.2568 คาดว่าจะยังคงลดลง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากราคาน้ำมันดิบดูไบในตลาดโลกต่ำกว่าปีก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากกลุ่มประเทศโอเปกพลัสปรับเพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลมีนโยบายบรรเทาภาระค่าครองชีพผ่านโครงการ Quick Big Win ทั้งการลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลเหลือ 30.94 บาทต่อลิตร การปรับลดค่า Ft งวดเดือน ก.ย.-ธ.ค.2568 เหลือ 3.94 บาทต่อหน่วย ราคาผักสดและผลไม้สดต่ำกว่าปีก่อนค่อนข้างมาก ผู้ประกอบการท่องเที่ยวมีแนวโน้มปรับราคาห้องพักให้สอดคล้องมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวที่ได้ลดหน่อยภาษี

อย่างไรก็ตาม ต้องจับตาการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว มีแนวโน้มทำให้ค่าโดยสารเครื่องบินปรับตัวสูงขึ้น และราคาสินค้าเกษตรและเครื่องประกอบอาหารบางชนิดมีแนวโน้มสูงกว่าปีก่อนหน้า เช่น กะทิสำเร็จรูป กาแฟสำเร็จรูป เกลือป่น และน้ำมันพืช เป็นต้น โดยกระทรวงพาณิชย์ยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 2568 อยู่ที่ 0.0% แต่ก็ต้องจับตามาตรการรัฐ ทั้งคนละครึ่ง พลัส และการใช้จ่ายช่วงเดือน ธ.ค.2568 ว่าจะมีผลต่อเงินเฟ้อมากน้อยแค่ไหน หากไม่มีผลเงินเฟ้อทั้งปี อาจจะขยายตัวติดลบได้

อ่านข่าว:

 เด็กไทยเกิดน้อย-สูงวัย “ล้นเมือง” ต่ออายุเกษียณ ทางออกหรือวิกฤต

"ศุภจี" ต้องทำความเข้าใจร้านค้า หลังร่วมโครงการ​คนละครึ่งพลัสคิด Vat เพิ่ม 7 %

ทีดีอาร์ไอ ห่วงเศรษฐกิจโตช้า กระทบปากท้อง-คนไทยหมดหวังย้ายประเทศ