วันนี้ (6 พ.ย.2568) พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. นำเอกสารหลักฐานยื่นต่อนายรังสิมันต์ โรม ประธานคณะกรรธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ สภาผู้แทนราษฎร โดยระบุว่าเป็นหลักฐานเกี่ยวกับเส้นเงินการรับผลประโยชน์จากเว็บพนันของตำรวจ 30 นาย เพิ่มเติมจากที่คณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ (ก.ร.ตร.) ได้ชี้มูลไปแล้วกว่า 200 คน โดยยังมีรายชื่อนักการเมืองท้องถิ่นในจังหวัดภาคใต้ ซึ่งข้อมูลนี้ได้แจ้ง ผบ.ตร.แล้ว แต่ผ่านมาแล้ว 1 ปียังไม่ได้มีการดำเนินการใดๆ
ขณะเดียวกันนำข้อมูลเส้นเงินจากเว็บพนันที่ส่งเงินไปยังตำรวจ PCT4 โดยเกี่ยวพันกับ สส. "ช" ยืนยันว่าข้อมูลหลักฐานที่ได้ยื่นในครั้งนี้ ยังไม่เชื่อ 100% ว่ามีการรับเงิน แต่เมื่อมีข้อมูลจึงมายื่นให้ตรวจสอบ โดยอ้างอิงว่าข้อมูลที่ยื่นนั้นมีการโอนเงินไปยังข้าราชการตำรวจมากกว่า 100 ครั้ง และในนั้นมีการโอนเงินต่อไปยังภรรยา พี่ชาย พี่สาว นายเวร ของ "บิ๊กตำรวจ" ทำให้ตั้งข้อสังเกตถึงความเชื่อมโยงกับการกระทำผิดกฎหมาย
อดีตรอง ผบ.ตร. ยังเชื่อมั่นว่าหลังจากที่ยื่นข้อมูลหลักฐานไปแล้วจะได้รับความยุติธรรมและเกิดประโยชน์ต่อประชาชน ส่วนชุด PCT ที่ตั้งขึ้นในการปราบปรามเว็บพนัน ส่วนตัวไม่เชื่อว่าจะมีการรับเงิน แต่เมื่อมีข้อมูลจึงมายื่นใตรวจสอบเช่นกัน เพราะหากมีการเรียกรับผลประโยชน์จริง อาจทำให้เกิดข้อครหาได้ว่าเป็นหน่วยปราบปราม แต่ไม่ได้ปราบปรามและเรียกรับผลประโยชน์เอง พร้อมเรียกร้องให้ ผบ.ตร.กู้วิกฤตศรัทธาองค์กรด้วยการปราบเว็บพนันและสแกมเมอร์
พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล
พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล
เมื่อถามว่า กรณีอ้างอิงว่ามีเงินหมุนเวียนกับตำรวจวันละ 100 ล้านบาท เป็นระดับผู้บัญชาการหรือระดับใด พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ระบุว่า ตำรวจที่เกี่ยวข้องมีอีกกว่า 30 นาย มีการรับเงินโอนเข้าบัญชีส่วนตัว และมีการรับโอนเงินจากเว็บพนันกว่า 100 ครั้ง ขณะที่ภรรยาบิ๊กตำรวจมีเส้นเงินเชื่อมโยง 38 ครั้ง ส่วนพี่ชายและพี่สาวบิ๊กตำรวจ มีเส้นเงินวิ่งเชื่อมโยง 36-37ครั้ง ซึ่งการโอนเงินไม่ใช่การโอนแบบผ่านบัญชีม้า
พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ตั้งคำถามกับกรณีดังกล่าวว่า เหตุใด ผบ.ตร.จึงไม่สั่งให้ออกจากราชการ หรือไม่ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริง เหมือนเป็นการประวิงไว้ พร้อมเปรียบเทียบกับกรณีของตนเองที่มีการตั้งคณะกรรมการสอบเรื่องทุจริตและให้ออกจากราชการ โดยขอเรียกร้องให้ตำรวจ 200 นายที่ถูก ก.ร.ตร.ชี้มูลความผิด ออกจากราชการด้วย พร้อมยอมรับว่ากรณีที่ ผบ.ตร.ออกมาระบุว่าคนบ้านปทุมวันไม่ควรทำร้ายบ้านตัวเองนั้น หมายถึงตนและขอยืนยันว่าไม่ได้ทำร้ายองค์กร หากจะเกลียดตนก็สามารถเกลียดได้ แต่จะต้องปราบสิ่งผิดกฎหมายให้หมด
อดีตรอง ผบ.ตร. ยังระบุถึงเหตุที่ทำให้ไม่สามารถอยู่ในตำแหน่งได้ ว่า เพราะตนรู้ข้อมูลสำคัญ 3 เรื่อง หากดำรงตำแหน่งเป็น ผบ.ตร.ต่อ ก็อาจจะกระทบกับบุคคลอื่น จึงเกิดปฏิบัติการบุกจับตนถึงบ้านและออกหมายจับลูกน้อง 7-8 คนด้วย นอกจากนี้ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ปฏิเสธข้อสังเกตในการออกมาเปิดเผยข้อมูลเส้นเงินว่าเป็นความแค้นส่วนตัวนั้น ยืนยันว่าให้ข้อมูลบนพื้นฐานความเป็นจริง
อ่านข่าว
ผบ.ตร.ชี้เป็นเรื่องรุนแรงคนนอกตีตรา ตร.เป็นองค์กรอาชญากรรม
"อัจฉริยะ" มอบหลักฐาน กมธ.อ้างแผนผังเส้นเงินบัญชีม้า โยงนักการเมือง











