เอาใจช่วย “ลูกช้างป่าข้าวต้ม” พบเฮอร์ปีส์ไวรัส ทีมสัตวแพทย์ดูแลใกล้ชิด-ให้เลือด

วันนี้ (8 พ.ย.2568) สพ.ญ.ณฐนน ปานเพ็ชร นายสัตวแพทย์ชำนาญการ หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวาก และศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก, น.สพ.ปุญญพัฒน์ สาระแขวีระกุล นายสัตวแพทย์ปฏิบัติการ ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 7 (นครราชสีมา) อัปเดตการดูแลรักษาลูกช้างป่า “ข้าวต้ม” อายุ 1 เดือน 16 วัน

ลูกช้างป่าข้าว ต้มกินนม และน้ำข้าวต้ม แต่ยังคงกินได้ประมาณน้อยกว่าปริมาณที่สัตวแพทย์คำนวนปริมาณไว้ ปัสสาวะมีสีใส อุจจาระเหลว มีเนื้อครีมเล็กน้อย

สัตวแพทย์ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำตลอดทั้งวัน เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ และพยุงระดับน้ำตาลในเลือด รวมทั้งให้ยาปฏิชีวนะ ยารักษาการอักเสบของระบบทางเดินอาหาร ให้วิตามิน และให้ยาต้านไวรัส ส่วนแผลและแผลกดทับบริเวณผิวหนังได้รักษาอย่างต่อเนื่อง โดยทำความสะอาดและพ่นยารักษาแผล

นอกจากนี้ ให้เลือดจำนวน 3,500 มิลลิลิตร เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 2568 เวลา 23.30 น. ซึ่งได้รับความอนุเคราะห์เลือดช้างจากวังช้างอยุธยา แล เพนียด โดย สพ.ญ.ลาดทองแท้ มีพันธุ์ และได้รับความอนุเคราะห์จาก ผศ.ดร.สพ.ญ.สุภาเพ็ญ ศรีพิบูลย์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ที่ให้การช่วยเหลือในการเจาะเก็บเลือดในครั้งนี้

ล่าสุดในวันนี้ 8 พ.ย.2568 เวลา 06.00 -07.00 น. ลูกช้างป่าข้าวต้ม มีสภาวะน้ำตาลในกระแสเลือดต่ำกว่าปกติ โดยมีอาการชักเกร็งร่วมด้วย ทั้งนี้สัตวแพทย์ทำการรักษาจนกลับมาเป็นปกติ

ขณะที่ผลการตรวจเลือดทางห้องปฏิบัติการจากคณะสัตวแพทยศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน และ เซ็นทรัลแลป สุพรรณบุรี วันที่ 7 พ.ย. 2568 ตรวจพบเชื้อไวรัส ชนิดเฮอร์ปีส์ไวรัสในช้าง แบบที่ 4 (EEHV Type 4) ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบทางเดินอาหารของช้าง

ตรวจพบว่าค่าเม็ดเลือดขาวต่ำกว่าปกติ ค่าเม็ดเลือดแดงต่ำกว่าปกติ ค่าโปรตีนต่ำกว่าปกติ ค่าตับต่ำกว่าปกติ และตรวจพบเม็ดเลือดขาวในอุจจาระ

ทั้งนี้ ยังรอผลการตรวจเพาะเชื้อแบคทีเรียเพิ่มเติมที่เก็บตัวอย่างจะอุจจาระ โดยทีมสัตวแพทย์ลูกช้างป่าข้าวต้มอย่างใกล้ชิก และยังคงต้องประเมินอาการวันต่อวัน