วันนี้ (8 พ.ย.2568) พายุไต้ฝุ่นคัลแมกี พายุลูกที่ 13 ในปี 2568 ของเวียดนาม ได้พัดถล่มชายฝั่งทางตอนเหนือของประเทศอย่างรุนแรง ด้วยความเร็วลมสูงสุดกว่า 149 กม./ชม. ส่งผลกระทบรุนแรงต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
สถานการณ์ล่าสุดรายงานผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 คน ขณะที่ไฟฟ้าดับเป็นวงกว้างกระทบประชาชนกว่า 1,300,000 คนในหลายจังหวัด รวมถึง จ.ซาลาย ที่ได้รับผลกระทบหนักสุด ชาวบ้านต้องเผชิญความลำบากในการสัญจร หลังเสาไฟฟ้าริมถนนล้มระเนระนาดเกือบทั้งหมด บางต้นหักโค่นลงกลางถนน สร้างความเสี่ยงอุบัติเหตุเพิ่มเติม
ภาพความเดือดร้อนชัดเจนจากพื้นที่ประสบภัย โดยชาวบ้านบางกลุ่มต้องรวมตัวกันรอบเครื่องปั่นไฟนอกบ้านเพื่อชาร์จโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์สื่อสาร ซึ่งกลายเป็นสิ่งจำเป็นท่ามกลางการขาดแคลนกระแสไฟฟ้า นอกจากนี้ จุดต่าง ๆ ยังขาดแคลนน้ำสะอาด ชาวบ้านจึงต้องเดินทางไปยังแหล่งน้ำสาธารณะเพื่ออาบน้ำ ซักผ้า และนำภาชะมารองน้ำกลับบ้านใช้ในยามจำเป็น บ้านเรือนและโครงสร้างพื้นฐานได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะในพื้นที่ชายฝั่งที่พายุพัดตรงเข้า
รายงานจากหน่วยกู้ภัยระบุว่ามีการอพยพประชาชนกว่า 350,000 คน หรือครอบคลุมกว่า 100,000 ครัวเรือน ออกจากพื้นที่เสี่ยงก่อนพายุมาถึง ซึ่งช่วยลดจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตได้บางส่วน แต่ยังไม่สามารถป้องกันความเสียหายทั้งหมดได้
ทางการเวียดนามได้ออกมาตรการเร่งด่วนเพื่อรับมือวิกฤต โดยสั่งปิดสนามบินหลักอย่างน้อย 6 แห่งทั่วประเทศ เพื่อความปลอดภัย สายการบินเวียดนาม แอร์ไลน์ ประกาศยกเลิกหรือเปลี่ยนเส้นทางเที่ยวบินอย่างน้อย 50 เที่ยว ขณะที่คาดว่าผลกระทบโดยรวมจะครอบคลุมหลายร้อยเที่ยวบินทั้งในและนอกประเทศ การขนส่งทางบกและทางทะเลก็หยุดชะงักชั่วคราว สร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจท้องถิ่น โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวและการค้าชายฝั่งที่เป็นเส้นเลือดใหญ่ของเวียดนาม
เวียดนามซึ่งมีชายฝั่งยาวกว่า 3,200 กิโลเมตรและแม่น้ำกว่า 2,300 สาย มักเผชิญพายุไต้ฝุ่นหรือพายุรุนแรงปีละประมาณ 10 ลูก ทำให้เสี่ยงต่อน้ำท่วมและดินถล่มสูง นักวิทยาศาสตร์เตือนว่าภัยธรรมชาติดังกล่าวกำลังรุนแรงขึ้นจากภาวะโลกร้อน ซึ่งเพิ่มความเข้มข้นของพายุและปริมาณฝน
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนามชี้ว่า ตลอดปี 2568 ที่ผ่านมา ประเทศนี้เผชิญภัยธรรมชาติหลากหลายรูปแบบ จนคร่าชีวิตและสูญหายผู้คนถึง 279 ราย พร้อมความเสียหายทางเศรษฐกิจกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 70,000 ล้านบาท ซึ่งพายุคัลแมกีครั้งนี้ยิ่งซ้ำเติมตัวเลขดังกล่าว
ก่อนมาถึงเวียดนาม พายุคัลแมกีเพิ่งถล่มฟิลิปปินส์ไปเมื่อไม่กี่วันก่อน สร้างความสูญเสียครั้งใหญ่ด้วยผู้เสียชีวิตถึง 188 คน และยังมีผู้สูญหายอีกจำนวนหนึ่ง ทางการฟิลิปปินส์กำลังเร่งภารกิจกู้ภัยในพื้นที่ประสบภัย
ขณะที่เวียดนามเองก็เริ่มปฏิบัติการฟื้นฟู โดยหน่วยงานรัฐและองค์กรระหว่างประเทศอย่างสหประชาชาติ (UN) กำลังประสานงำช่วยเหลือด้านอาหาร น้ำดื่ม และอุปกรณ์ฉุกเฉิน ชาวเวียดนามในพื้นที่เรียกร้องให้รัฐบาลเพิ่มมาตรการป้องกันระยะยาว เช่น การเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานชายฝั่งและระบบเตือนภัยล่วงหน้า เพื่อรับมือกับพายุลูกต่อไปในฤดูมรสุมที่ยังไม่สิ้นสุด
อ่านข่าวอื่น :
เอาใจช่วย “ลูกช้างป่าข้าวต้ม” พบเฮอร์ปีส์ไวรัส ทีมสัตวแพทย์ดูแลใกล้ชิด-ให้เลือด
"รองโฆษกเพื่อไทย" จี้รัฐบาล เร่งแก้ปัญหาน้ำท่วม











