วันนี้ (10 พ.ย.2568) นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการ สทนช. เปิดเผยหลังการประชุมติดตามสภาพอากาศ สถานการณ์น้ำและการคาดการณ์ เพื่อปรับแผนบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ว่า "เขื่อนภูมิพล" สามารถรองรับน้ำได้เพิ่มเพียงประมาณ 127 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้ต้องปรับเพิ่มการระบายน้ำออกจากเขื่อนวันนี้ (10 พ.ย) เป็น 48 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)
ส่วนวันที่ 11 พ.ย.จะเพิ่มการระบายเป็น 53 ล้าน ลบ.ม. และวันที่ 12 พ.ย.เพิ่มการระบายเป็น 55 ล้าน ลบ.ม. หลังจากนั้นจะระบายน้ำสูงสุดไม่เกิน 60 ล้าน ลบ.ม. คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 7 วันจึงจะสามารถปรับลดการระบายน้ำลงได้
ทำให้น้ำที่ไหลผ่าน จ.นครสวรรค์ คาดการณ์สูงสุด 3,100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ลบ.ม./วินาที) และส่งผลกระทบต่อ จ.อุทัยธานี และ จ.ชัยนาท ที่ทำให้เกิดน้ำท่วมได้
ขณะที่การระบายน้ำที่เขื่อนเจ้าพระยายังคงไว้ที่ 2,800 ลบ.ม./วินาที แต่หากมีฝนตกเหนือเขื่อนเจ้าพระยาและความสูงของระดับน้ำเกิน 18 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ก็อาจปรับเพิ่มการระบายน้ำเป็น 2,900 ลบ.ม./วินาที คาดว่าจะเป็นการระบายน้ำชุดสุดท้ายของปี 2568
สำหรับพื้นที่ที่น้ำท่วมอยู่แล้วใน จ.พระนครศรีอยุธยา คาดว่าระดับน้ำอาจเพิ่มสูงขึ้นอีกเล็กน้อย ขณะนี้ สทนช.พยายามหาพื้นที่รับน้ำเพิ่มเติม เพื่อพร่องน้ำช่วยเหลือประชาชนที่น้ำท่วมนานกว่า 4 เดือน
รองเลขาธิการ สทนช. กล่าวอีกว่า พื้นที่ปริมณฑลจะได้รับอิทธิพลจากน้ำทะเลหนุนสูงถึงวันที่ 13 พ.ย.นี้ ทำให้เกิดน้ำท่วมในบางพื้นที่ ขณะที่พื้นที่ กทม. ยืนยันว่าจะไม่เกิดน้ำท่วมซ้ำรอยปี 2554 อย่างแน่นอน เนื่องจากปริมาณน้ำยังน้อยกว่าปี 2554 และ 2565
ส่วนเงินช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ เบื้องต้นพื้นที่ที่น้ำท่วมนานกว่า 30-61 วัน จะเพิ่มเงินช่วยเหลือหลังละ 3,000 บาท และเกิน 61 วันจะเพิ่มอีก 5,000 บาท จากเดิมที่ได้อยู่แล้ว 9,000 บาท ซึ่งจะเสนอเข้าที่ประชุม ครม.ต่อไป
อ่านข่าว
"เขื่อนเจ้าพระยา" ทยอยระบายน้ำเพิ่มเป็น 2,900 ลบ.ม./วินาที
GISTDA เปิดพื้นที่เสี่ยง 3 จังหวัด หลังเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มการระบายน้ำ
น้ำทะเลหนุน-น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูง กระทบหลายพื้นที่ "ปทุมธานี-นนทบุรี"











