วันนี้ (11 พ.ย.2568) นายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุม ครม. ถึงสถานการณ์น้ำในขณะนี้ยังเอาอยู่หรือไม่ ว่า "น้ำ เอาอยู่" และเรื่องน้ำเป็นเรื่องสำคัญ วันนี้จะหารือใน ครม. รวมถึงเรื่องการพิจารณาปรับเกณฑ์เยียวยาเพิ่มเติม แต่ขอให้รอรายละเอียด เนื่องจากเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ
วันนี้จะพูดคุยกับคณะกรรมการนโยบายน้ำแห่งชาติ หรือ กนช. ว่าปัญหาที่ฝนไม่ตกแต่น้ำท่วมนั้นเกิดจากอะไร รวมถึงเรื่องการบริหารจัดการน้ำ มีการระบายได้สมดุลกันไม่ในแต่ละพื้นที่หรือไม่ วันนี้ทาง ครม.จะได้หารือกันเพิ่มเติม เพราะเกรงว่าในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จะได้รับผลกระทบ เนื่องจากมีน้ำทะเลหนุน
ขณะที่นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประชุมติดตามและบริหารจัดการสถานการณ์น้ำ ว่า ได้ประเมินสถานการณ์ ซึ่งมีความน่าเป็นห่วง และตัวเลขการระบายน้ำที่ประเมินไว้ คือ 90 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน
ส่วนการระบายของเขื่อนภูมิพล มีเพียง 45-48 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน หรือหมายความว่าเขื่อนภูมิพลจะรับน้ำสะสม 40 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน และสามารถรองรับน้ำได้เพิ่มเพียง 127 ล้าน ลบ.ม.
ถ้าปล่อยให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไปอีก 3 วัน เขื่อนภูมิพลก็จะเต็ม นับจากวันนี้เหลือแค่ 2 วัน เมื่อเขื่อนเต็มก็ต้องระบายน้ำเพิ่มเป็น 50-55 ล้าน ลบ.ม.
ดังนั้นระดับน้ำของแม่น้ำปิง ลงมาถึงแม่น้ำเจ้าพระยา ก็ต้องสูงขึ้นตามอัตโนมัติ ขณะนี้กรมชลประทาน ระบายน้ำอยู่ที่ 2,800 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน ซึ่งต้องหาวิธีการระบายน้ำเพิ่มและต้องหาทางแก้ไข โดยใช้เขื่อนสิริกิติ์ เพราะปริมาณน้ำเข้าเขื่อนไม่มากเท่าเขื่อนภูมิพล โดยจะลดการระบายน้ำจากเขื่อนสิริกิติ์ลงวันละ 5 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน หรือลดน้อยกว่านั้นเพื่อทำให้การเติมน้ำลงแม่น้ำเจ้าพระยาลดน้อยลงได้
นอกจากนี้ กรมชลประทาน รับปากว่าจะระบายน้ำออก ทั้งทางฝั่งตะวันตก และตะวันออกเพิ่มขึ้น ซึ่งเดิมระบายอยู่ที่ 500 ลบ.ม.ต่อวินาที จะระบายเป็น 600-650 ลบ.ม.ต่อวินาที เพื่อให้เพียงพอต่อปริมาณของเขื่อนภูมิพล เมื่อเป็นเช่นนั้นปริมาณน้ำที่ระดับแม่น้ำเจ้าพระยา ก็จะคงอยู่ที่ปริมาณเดิมได้ แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อมา คือ พื้นที่ฝั่งตะวันตกและตะวันออกที่จะต้องรับน้ำเพิ่ม อาจได้รับผลกระทบบ้าง จึงได้กำชับว่าการนำน้ำเข้าทุ่ง ควรระบายน้ำเข้าไปในปริมาณที่พอสมควร ไม่ใช่ชาวบ้านต้องได้รับผลกระทบ เป็นพื้นที่เก็บน้ำชั่วคราว หากระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาลดลงแล้ว ก็สามารถนำน้ำออกจากทุ่งได้
นายภราดร กล่าวว่า กรณีที่ประชาชนออกมาชุมนุมให้ระบายน้ำเพิ่ม ทำให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เรียกพูดคุยเพื่อประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และหาทางแก้ไขอย่างเร่งด่วน ส่วนมาตรการในการเยียวยาแน่นอนว่าเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องดำเนินการอยู่แล้ว ซึ่งที่ผ่านมา ครม.ได้อนุมัติงบเยียวยาแล้วส่วนหนึ่ง ส่วนที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำรวจเพิ่มเติมนั้นจะมีการอนุมัติเพิ่มเป็นรอบ ๆ เพื่อไม่ให้เสียเวลา โดยจะทยอยอนุมัติ
ทั้งนี้ อยู่ระหว่างดูมาตรการเพิ่มเติมสำหรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบยาวนาน หรือที่เรียกว่าอยู่ในน้ำนาน 2-3 เดือน ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีแนวทางช่วยเหลือเพิ่มเติม
เมื่อถามว่ามีแนวทางรับมือน้ำเข้ากรุงเทพฯ แล้วหรือไม่ นายภราดร กล่าวว่า ถ้าไม่เร่งระบายน้ำ หรือหาที่อยู่ให้น้ำ ถึงกรุงเทพฯ อย่างแน่นอน จึงจำเป็นต้องเก็บน้ำในทุ่งฝั่งตะวันตกและตะวันออกให้ได้มากที่สุด โดยไม่ให้กระทบกับประชาชนที่อาศัยอยู่ในทุ่ง
สำหรับมาตรการเยียวยาด้านอื่น เช่น การดีดบ้าน รัฐบาลมีแนวคิดหรือไม่ นายภราดร ระบุว่า กำลังพิจารณาอยู่สำหรับพื้นที่ที่น้ำท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะ จ.พระนครศรีอยุธยา และ จ.อ่างทอง เพื่อที่จะมีแนวทางดูแลและเยียวยากลุ่มนี้ในหลายอำเภอ เช่น อ.บางบาล อ.บางไทร อ.ผักไห่ อ.เสนา อ.ป่าโมก โดยแนวทางการดีดบ้านเป็นแนวทางที่กำลังหารือกันอยู่
อ่านข่าว : "รศ.เสรี" เร่งเจรจาปล่อยน้ำลงทุ่งตอนบน บรรเทาน้ำท่วมพื้นที่ท้ายเขื่อน
"รศ.เสรี" เร่งเจรจาปล่อยน้ำลงทุ่งตอนบน บรรเทาน้ำท่วมพื้นที่ท้ายเขื่อน
เขื่อนภูมิพลใกล้ล้น "ภราดร" เตือนเกษตรกรผันน้ำ 2 ฝั่ง-จ่อระบายเพิ่ม
แท็กที่เกี่ยวข้อง:











