เราจะสอบถามเพิ่มเติมกับ รศ.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวในช่วงจับตาสถานการณ์ ทางไทยพีบีเอส โดยระบุว่า การจัดการน้ำนั้นมีขั้นตอนและมีกระบวนการจัดการซึ่งหากต้องการระบายน้ำเพิ่มขึ้น และไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบ ก็คือ ต้องผันน้ำเข้าทุ่งตั้งแต่ตอนบน หากจะไม่เปิดประตูระบายน้ำ
จากข้อมูลพบว่า ถ้าจะปล่อยน้ำเพิ่มขึ้นจากข้อมูลทุก ๆ 100 ลบ.ม. น้ำจะเพิ่ม 30 ซม. ดังนั้นหากจะมีการระบายน้ำเพิ่มขึ้น ก็ควรจะทำให้คนอำเภอบางบาลได้รับผลกระทบน้อยสุด คือ นำน้ำเข้าทุ่งก่อนจะถึง อ.บางบาล หรือก่อนลงมาถึงแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นวิธีการที่น่าจะทำ อย่างไรก็ตามเมื่อมาถึงจุดนี้ที่ประชาชนได้รับผลกระทบแล้ว 4 เดือนที่ผ่านมา ประชาชนอดทนมาพอแล้วจึงเกิดความกดดันขึ้นมา ซึ่งต้องมีแผนมิฉะนั้นจะเป็นแบบนี้ในทุกแห่ง เช่น บ้านผมเปียกตรงนู้นแห้งจังเลย
รศ.เสรี ยังกล่าวว่า เมื่อทราบว่า "พายุคัลแมกี" จะเข้ามา ซึ่งจะพอทราบก่อนประมาณ 1 สัปดาห์ เชื่อว่าสามารถแผนปรับได้แต่นี่ไม่มีฉากทัศน์ (Scenario) ในการวางแผนรองรับ เช่น หากคาดว่าสัปดาห์หน้าพายุคัลแมกีจะเข้ามาจะทำให้เกิดฝนตกราว 100 - 200 มม. น้ำจะเข้ามาและจะต้องปล่อยน้ำลงมาราว 2,700 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งระยะเวลา 1 สัปดาห์จะสามารถพิจารณาได้ว่าจากปริมาณน้ำที่จะระบายลงมาจาก 2,400 ล้าน ลบ.ม. เป็น 2,700 ล้าน ลบ.ม.ซึ่งหากวางแผนจะทำให้ประชาชนในพื้นที่ อ.บางบาล อ.เสนา จะไม่ต้องได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้น ซึ่งเรื่องนี้มีทางออก
ตนเองขับรถตามถนนด้านบน พบว่า ไม่มีน้ำเหมือนปี 65 และปี 54 การจัดการง่ายมากกว่าปี 65 และ 54 อย่างมาก ทำให้มองภาพออกว่าน้ำไปอยู่ที่ที่คนที่เปราะบาง คนที่ไม่สามารถพึ่งตนเองได้
รศ.เสรี ศุภราทิตย์ ยังถึงกรณีการทดลองเปิดประตูระบายน้ำ 10 วันโดยกล่าวว่า จากการได้พูดคุยกับชาวบ้าน อ.บางบาล โดยชาวบ้านบอกว่า เปิดประตูระบายน้ำบางกุ้งน้ำแ้ลวแต่ยังไม่ลด แสดงว่า ถ้ามีแผนก็สามารถคุยบนข้อมูลและจะพบว่าทำแบบนี้น้ำก็จะไม่ลด ฉะนั้นทำอย่างอื่นจะดีกว่าหรือไม่ นี่คือไม่มีแผนบริหารฉุกเฉิน ดังนั้นการทำฉากทัศน์สามารถทำได้ทุกเวลาแต่ช่วยสามารถกระจายข้อมูลได้อย่างทันท่วงทีเพื่อให้ชาวบ้านสามารถเตรียมตัวได้ แต่นี่ทำให้ไม่มีคำตอบให้ชาวบ้านจนนำมาสู่ความกดดันของประชาชน
นี่คือเรื่องการของการจัดการภาวะฉุกเฉินที่เราขาด
รศ.เสรี กล่าวว่า วันนี้น้ำผ่านนครสวรรค์แล้วประมาณ 300 ล้าน ลบ.ม.กว่า ๆ ฉะนั้นเราต้องประเมินว่า การปล่อยน้ำ 2,900 ล้าน ลบ.ม.อย่างน้อยสุดประชาชนต้องไม่มีน้ำเพิ่มขึ้นซึ่งจะทำอย่างไร ซึ่งจุดใดริมทางริมถนนหรือที่เป็นทุ่งสามารถเอาน้ำเข้าได้หรือไม่ ต้องเร่งเจรจาและปล่อยน้ำเข้าไปเลย เช่น กรณีเกาหลีหรือญี่ปุ่นศึกษาแล้วว่า หากน้ำมาขนาดนี้จะตีคันกั้นน้ำแตกซึ่งก็จะจงใจให้น้ำเข้าไปอยู่ในจุดที่วางแผนไว้ แต่ของเราไม่ได้มีการวางแผนไว้ ไม่ได้คุยกับเจ้าของที่ ซึ่งไม่ทราบว่าขณะนี้ได้พูดคุยกันไว้หรือไม่
รศ.เสรี กล่าวว่า ขณะที่เขื่อนภูมิพลน้ำเต็มศักยภาพแล้ว นั้นศักยภาพซ้าย-ขวาน้ำเต็มคลองแล้ว แต่จุดใดระหว่างคลองมีการตกลงแล้วหรือไม่ว่าจะนำน้ำเข้าไปเก็บบริเวณข้างคลอง
ประเด็นที่สำคัญ คือ ถ้าปล่อยน้ำมาจากเขื่อนภูมิพล ซึ่งน้ำจะมาทางแม่น้ำปิง โดยแม่น้ำปิงมีพื้นที่จำนวนมากในการที่จะปล่อยน้ำไว้ก่อนที่จะมาถึง จ.นครสวรรค์ ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ น้ำมาแล้วจะเอาไปไว้ที่ไหน เพราะพื้นที่ท้ายน้ำไม่สามารถทำอะไรได้เพราะเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ ซึ่งต้องคิดตั้งแต่ตอนบน
อ่านข่าว : สทนช. รายงานภาพรวมสถานการณ์น้ำ เพิ่มระบายน้ำ "เขื่อนภูมิพล" รับมือมวลน้ำระลอกสุดท้าย
"ฟงวอง" ทิ้งหายนะฟิลิปปินส์ ก่อนเคลื่อนลงทะเลจีนใต้มุ่งหน้าไต้หวัน
เขื่อนภูมิพลใกล้ล้น "ภราดร" เตือนเกษตรกรผันน้ำ 2 ฝั่ง-จ่อระบายเพิ่ม











