วันนี้ (11 พ.ย.2568) เวลา 7.00 น. สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) รายงานสรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ ทั้ง สภาพอากาศวันนี้ สถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในภาพรวม โดยมีรายละเอียดดังนี้
คาดการณ์ 13-16 พ.ย. อากาศเย็นลง อุณหภูมิลด
1. สภาพอากาศวันนี้ หย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศเมียนมา ประกอบกับมีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกและภาคกลางตอนล่าง ในขณะที่บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นปกคลุมภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ สำหรับภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ เนื่องจากมีลมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย
คาดการณ์ วันที่ 13-16 พ.ย. 68 ประเทศไทยตอนบนจะมีอุณหภูมิลดลง กับมีอากาศเย็นในตอนเช้า เนื่องจากหย่อมความกดอากาศต่ำเคลื่อนไปปกคลุมประเทศเมียนมา ในขณะที่ภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้
สำหรับภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง เนื่องจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยตอนบน และภาคใต้ตอนบนจะมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับจะมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคใต้ตอนกลาง
2. สถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในภาพรวม ปริมาณน้ำรวม 89% ของความจุเก็บกัก (71,713 ล้าน ลบ.ม.) ปริมาณน้ำใช้การ 82% (47,590 ล้าน ลบ.ม.) การประเมินสถานการณ์แหล่งน้ำ แหล่งน้ำขนาดกลางที่มีปริมาณน้ำเก็บกักน้อยกว่า 30% จำนวน 19 แห่ง ดังนี้ ภาคกลาง 3 แห่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3 แห่ง ภาคตะวันออก 6 แห่ง ภาคตะวันตก 5 แห่ง และภาคใต้ 2 แห่ง
3. คุณภาพน้ำ ณ จุดเฝ้าระวัง แม่น้ำสายหลัก น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค แม่น้ำเจ้าพระยา ณ สถานีสูบน้ำสำแล จ.ปทุมธานี อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน น้ำเพื่อการเกษตร แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำแม่กลอง และแม่น้ำบางปะกง อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
เขื่อนภูมิพลปรับเพิ่มการระบายน้ำจาก 45 เป็น 48 ล้าน ลบ.ม./วัน
นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า ในปีนี้มีฝนตกเหนือเขื่อนเจ้าพระยา มากเป็นอันดับ 2 รองจากปี 2565 โดยเฉพาะในช่วงเดือน พ.ย.ที่มีฝนตกหนักจากอิทธิพลทางอ้อมของพายุ "คัลแมกี" ส่งผลให้มีมวลน้ำระลอกใหม่ไหลเข้าเขื่อนภูมิพลเพิ่มเติม ซึ่งปัจจุบันเหลือช่องว่างรองรับน้ำอยู่เพียงประมาณ 127 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)
ที่ประชุมติดตามสภาพอากาศ สถานการณ์น้ำ และการคาดการณ์ เพื่อปรับแผนบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เมื่อวันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้มีมติเห็นชอบให้ทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำแบบขั้นบันไดของเขื่อนภูมิพล จากอัตราเดิม 45 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน เป็น 48 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน ทั้งนี้ มวลน้ำดังกล่าวจะไหลต่อเนื่องลงสู่พื้นที่ตอนล่าง คาดว่าจะมีปริมาณน้ำไหลผ่าน จ.นครสวรรค์ สูงสุดประมาณ 3,100 ลบ.ม. ต่อวินาที และมีระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อจังหวัดอุทัยธานีและชัยนาท
ในส่วนของท้ายเขื่อนเจ้าพระยา เริ่มเพิ่มการระบายน้ำ ตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย. 68 จากอัตรา 2,800 ลบ.ม. ต่อวินาที เป็น 2,900 ลบ.ม. ต่อวินาที และคงอัตราดังกล่าวต่อเนื่อง ซึ่งยังต่ำกว่าปี 2554 ที่มีการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาสูงสุด 3,700 ลบ.ม. ต่อวินาที
ทั้งนี้ ทุกหน่วยงานตระหนักถึงความเดือดร้อนของประชาชนในทุกพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย จึงมีความพยายามอย่างยิ่งเพื่อเร่งคลี่คลายมวลน้ำออกจากพื้นที่โดยเร็วที่สุด โดยขณะนี้ได้ประสานกรมชลประทานเพื่อระบายน้ำเข้าสู่ทุ่งลุ่มต่ำที่ยังมีพื้นที่รองรับเพิ่มเติม รวมทั้งจะเร่งดำเนินการระบายน้ำออกทางฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกของเขื่อนเจ้าพระยาให้ได้มากที่สุด
อย่างไรก็ตาม คาดว่าการระบายมวลน้ำรอบนี้จะเป็นรอบสุดท้ายของฤดูฝนปี 2568 เนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) (สสน.) ประเมินว่า ฝนในพื้นที่ตอนบนจะลดลงตั้งแต่วันที่ 13 พ.ย. 68 และไม่มีแนวโน้มได้รับอิทธิพลจากพายุเพิ่มเติม เนื่องจากมวลความกดอากาศสูงได้แผ่เข้าปกคลุมพื้นที่ โดยฝนจะเคลื่อนตัวไปตกหนักในพื้นที่ภาคใต้มากขึ้น คาดว่าจะสามารถเริ่มระบายน้ำในอัตราต่ำกว่า 1,000 ลบ.ม. ต่อวินาที ได้ในช่วงประมาณสัปดาห์ที่ 2-3 ของเดือน ธ.ค.
ในการนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ดูแลผู้ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ และจะเร่งหาแนวทางในการชดเชยเยียวยาเพิ่มเติมให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยมากกว่า 30 วัน รวมถึงกำชับให้เร่งรัดโครงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากในระยะยาว
อ่านข่าว : สภาพอากาศวันนี้ ไทยตอนบนมีฝนลดลง เหนือ-อีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า
กัมพูชาปัดวางทุ่นระเบิดใหม่ กังวลไทยระงับดำเนินการตามถ้อยแถลงร่วม











