ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"คอเลสเตอรอลสูง" เมื่อโรคหัวใจเริ่มต้นก่อนวัย ทางรอดอาจอยู่ใน "ยีน"

ไลฟ์สไตล์
18:13
61
"คอเลสเตอรอลสูง" เมื่อโรคหัวใจเริ่มต้นก่อนวัย ทางรอดอาจอยู่ใน "ยีน"
คอเลสเตอรอลสูงไม่ใช่ปัญหาคนสูงวัยเท่านั้น งานวิจัยใหม่เผย อายุต่ำกว่า 45 ปี ที่ระดับไขมันในเลือดสูง จะเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดมากขึ้น ขณะเดียวกันวงการแพทย์ทั่วโลกจับตาเทคโนโลยี "ตัดต่อยีน-ยากินรุ่นใหม่" อาจปฏิวัติการรักษาโรคคอเลสเตอรอลในอนาคต

ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา "คอเลสเตอรอลสูง" ถูกมองว่าเป็นปัญหาของคนวัยกลางคนขึ้นไป แต่รายงานทางการแพทย์ในช่วงสิบปีหลังกลับพบว่าแนวคิดนี้กำลังผิดทางอย่างน่ากังวล งานวิจัยขนาดใหญ่จาก The Lancet ชี้ว่า คนอายุต่ำกว่า 45 ปีที่มีระดับคอเลสเตอรอลสูงเพียงเล็กน้อย แต่ปล่อยไว้นานโดยไม่ควบคุม มีความเสี่ยงเกิดโรคหัวใจหรือหลอดเลือดสมองเร็วกว่าคนทั่วไปถึง 2 เท่า

สิ่งที่น่ากลัวคือ คอเลสเตอรอลไม่ได้ทำร้ายร่างกายแบบเฉียบพลัน แต่ค่อย ๆ สะสมทีละน้อยในผนังหลอดเลือด กลายเป็นคราบไขมันหรือ "พลัค" (plaque) ที่ทำให้หลอดเลือดตีบลงช้า ๆ เมื่อเวลาผ่านไปหลายปี หรือหลายสิบปีโดยไม่มีอาการใด ๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเกิดอาการหัวใจวายเฉียบพลันขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

วัยหนุ่มสาวยุคใหม่เสี่ยง "คอเลสเตอรอลสูง" เพิ่ม

พฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนยุคใหม่เป็นอีกตัวเร่งสำคัญ ทั้งอาหารสำเร็จรูป น้ำตาลสูง เครื่องดื่มให้พลังงาน การนอนดึก และความเครียดสะสม ล้วนกระตุ้นการสร้างไขมันเลว (LDL) ในร่างกายอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการขาดการออกกำลังกายและการตรวจสุขภาพประจำปี ทำให้หลายคนไม่รู้ว่าตนเองมีคอเลสเตอรอลสูงจนกว่าจะถึงวันที่ร่างกายส่งสัญญาณเตือนขั้นสุดท้าย

การศึกษาจาก American Heart Association ที่ติดตามผู้คนเกือบ 400,000 คน ระบุว่า ในกลุ่มอายุต่ำกว่า 45 ปี ที่มี non-HDL คอเลสเตอรอลสูง และมีปัจจัยเสี่ยงอื่น เช่น น้ำหนักเกิน สูบบุหรี่ มีโอกาสเกิดโรคหัวใจหรือหลอดเลือดในสมอง ก่อนอายุ 75 ได้ถึงร้อยละ 16 สำหรับผู้หญิง และ ร้อยละ 29 สำหรับผู้ชาย

แพทย์จาก Johns Hopkins University เตือนว่า การมีระดับคอเลสเตอรอลสูงตั้งแต่อายุน้อย เป็นเหมือนการเริ่มนับถอยหลังของโรคหัวใจในอนาคต เพราะหลอดเลือดที่ต้องแบกรับไขมันส่วนเกินตั้งแต่อายุ 30 กว่าจะถึงวัย 50–60 ปี ก็สะสมความเสียหายมาหลายหมื่นวันแล้ว

แนวทางใหม่จึงเน้นให้ตรวจไขมันในเลือดตั้งแต่อายุ 25 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคหัวใจ ความดันสูง หรือเบาหวาน เพื่อเริ่มควบคุมพฤติกรรมและใช้ยาลดคอเลสเตอรอลตั้งแต่เนิ่น ๆ หากจำเป็น

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

พฤติกรรมสู่พันธุกรรม การตัดต่อยีนลดคอเลสเตอรอลครั้งแรกของโลก

ในขณะที่แนวทางการดูแลสุขภาพเชิงพฤติกรรมเป็นรากฐานสำคัญของการป้องกันโรคหัวใจ นักวิทยาศาสตร์ก็กำลังก้าวสู่การค้นพบใหม่ที่อาจเป็นการรักษาแบบถาวรผ่าน "การตัดต่อยีน" โดยเทคโนโลยี CRISPR-Cas9 ซึ่งเปรียบเสมือนกรรไกรชีวภาพ นำมาใช้ในการทดลองทางคลินิกเพื่อปรับแต่งยีนที่ควบคุมการสร้างไขมันในร่างกาย

งานวิจัยนำร่องที่ตีพิมพ์ใน New England Journal of Medicine เมื่อวันที่ 8 พ.ย.2568 ทำให้วงการแพทย์ทั่วโลกจับตามอง การทดลองนี้ใช้เทคนิค CRISPR แก้ไขยีน ANGPTL3 ซึ่งเป็นยีนที่มีบทบาทในการควบคุมระดับ LDL หรือ ไขมันเลวและไตรกลีเซอไรด์ในเลือด

นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่า ในประชากรราว 1 ใน 250 คน จะมียีน ANGPTL3 ที่ทำงานไม่ปกติ หรืออาจเรียกว่า ยีนกลายพันธุ์ เดิมยีน ANGPTL3 เป็นโปรตีนที่ผลิตโดยตับ ซึ่งมีบทบาทยับยั้งเอนไซม์ Lipoprotein lipase และ Endothelial lipase ทำให้ถ้าหากยีนนี้ถูก "ปิด" หรือไม่ทำงาน จะทำให้มีการสลายไขมัน ทั้ง LDL และ ไตรกลีเซอไรด์ ได้มากขึ้น

แนวคิดการรักษาคือ "เลียนแบบ" ผู้ที่มียีน ANGPTL3 กลายพันธุ์โดยธรรมชาติ แต่ทำกับผู้ที่มีภาวะไขมัน สูง หรือ ควบคุมยาก โดยใช้การแก้ไขยีน 

นักวิจัยจาก Cleveland Clinic โดย ศ.ดร.สตีเวน นิสเซน ทดลองใช้ยาที่พัฒนาด้วยเทคโนโลยี CRISPR กับผู้ป่วยโรคไขมันในเลือดสูงรุนแรงจำนวน 15 คน ผลเบื้องต้นคือ ผู้ที่ได้รับขนาดยาสูงสุดมีระดับ LDL ลดลงเกือบร้อยละ 50 และไตรกลีเซอไรด์ลดลงเฉลี่ยร้อยละ 55 ภายในระยะเวลาไม่นานหลังได้รับยา การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดจากการ "ปิดสวิตช์" การทำงานของยีน ANGPTL3 ในเซลล์ตับ ซึ่งเป็นแหล่งหลักในการสร้างไขมันในร่างกาย

สิ่งสำคัญคือ การแก้ไขยีนนี้เกิดขึ้นเฉพาะในตับเท่านั้น ไม่กระทบต่ออวัยวะอื่น จึงช่วยลดความเสี่ยงในการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมในส่วนที่ไม่ต้องการ ผลข้างเคียงในกลุ่มทดลองมีเพียงการระคายเคืองเล็กน้อยบริเวณที่ให้ยา และค่าเอนไซม์ตับสูงชั่วคราวในบางรายซึ่งกลับสู่ปกติใน 2 สัปดาห์

แม้หนึ่งในผู้เข้าร่วมจะเสียชีวิตในภายหลัง แต่นักวิจัยยืนยันว่าไม่ได้เกิดจากยาโดยตรง เพราะได้รับขนาดยาต่ำที่สุดและมีโรคหัวใจระยะรุนแรงมาก่อน อย่างไรก็ตาม องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ (FDA) กำหนดให้ติดตามผลระยะยาวอย่างน้อย 15 ปี เพื่อประเมินความปลอดภัยของการเปลี่ยนแปลงยีนในมนุษย์

หากการทดลองระยะที่ 2 และ 3 ซึ่งกำลังจะเริ่มต้นในปีหน้า ให้ผลลัพธ์ที่สอดคล้องกัน CRISPR อาจกลายเป็น "การรักษาแบบครั้งเดียวตลอดชีวิต" สำหรับผู้ป่วยที่มีคอเลสเตอรอลสูงชนิดพันธุกรรมได้จริง

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

Enlicitide ยากินรุ่นใหม่ ลดไขมันได้มากกว่าเดิม ไม่ต้องพึ่งการฉีดยา

ในขณะที่เทคโนโลยีตัดต่อยีนยังอยู่ในช่วงทดลอง วงการยาก็ก้าวไปข้างหน้าเช่นกัน บริษัทยา Merck ได้เปิดตัว "Enlicitide" ยากินรุ่นใหม่ในกลุ่ม PCSK9 inhibitor ที่ถูกออกแบบมาเพื่อลดคอเลสเตอรอลได้แรงเทียบเท่ายาฉีด แต่สะดวกกว่ามาก

จากการทดลองระยะที่ 3 ในผู้ป่วยกว่า 3,000 ราย พบว่า Enlicitide ช่วยลด LDL ได้มากถึงร้อยละ 60 ภายในเวลา 24 สัปดาห์ เมื่อใช้ร่วมกับยาสแตติน และสามารถคงระดับไขมันที่ลดลงได้นานตลอด 1 ปีเต็ม ผลข้างเคียงส่วนใหญ่เป็นเพียงอาการไม่สบายท้องหรือไข้เล็กน้อย ไม่แตกต่างจากยาหลอก

ยาสแตติน คือยาลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด โดยยับยั้งการสร้างคอเลสเตอรอลในตับ ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น หัวใจขาดเลือดหรือหลอดเลือดสมองตีบ

ความสำเร็จครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญ เพราะก่อนหน้านี้ยากลุ่ม PCSK9 inhibitor ต้องใช้ในรูปแบบ "ยาฉีดทุก 2 สัปดาห์" ทำให้ผู้ป่วยจำนวนมากไม่สามารถใช้ต่อเนื่องได้ ด้วยต้นทุนสูงและความยุ่งยากในการฉีด

งานวิจัยจาก Harvard Medical School ชี้ว่า การใช้ยา PCSK9 inhibitor ควบคู่กับสแตตินช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจหรือหลอดเลือดสมองครั้งแรกได้ถึงร้อยละ 25 ภายในระยะเวลาเพียง 4 ปีครึ่ง และถ้าการรักษาเริ่มตั้งแต่วัยหนุ่มสาว ผลป้องกันจะยิ่งทวีคูณ เพราะหลอดเลือดยังอยู่ในสภาพดี

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า "ยาทุกชนิดเป็นเพียงเครื่องมือ" การใช้ยาโดยไม่ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต ยังไม่ใช่คำตอบระยะยาว เพราะร่างกายยังคงผลิตไขมันส่วนเกินหากพฤติกรรมเดิมยังอยู่ ทั้งการกินอาหารไขมันทรานส์ ดื่มแอลกอฮอล์มาก หรือใช้ชีวิตแบบนั่งอยู่กับที่เป็นเวลานาน ๆ 

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

อนาคต "หัวใจ" ในมือของเรา

เป็นความจริงที่ว่า วิทยาศาสตร์ช่วยได้ แต่ความสม่ำเสมอช่วยมากกว่า แม้การตัดต่อยีนและยากินรุ่นใหม่จะเป็นความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ แต่สิ่งที่ทรงพลังที่สุดยังคงเป็น "การดูแลสุขภาพหัวใจในทุกวัน" การลดคอเลสเตอรอลไม่จำเป็นต้องเริ่มจากเทคโนโลยีราคาแพง แค่เลือกอาหารให้ดี ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ และตรวจเลือดทุกปี ก็สามารถลดความเสี่ยงโรคหัวใจได้มากกว่าร้อยละ 70 แล้ว 

หัวใจไม่เคยทรยศใคร มันเพียงทำหน้าที่ตอบสนองต่อสิ่งที่เรามอบให้เสมอ
หากเริ่มดูแลตั้งแต่วันนี้ ก็ยังมีเวลาพอที่จะเขียนเส้นทางสุขภาพของตัวเองใหม่
สุดท้ายแล้ว ไม่มียีนใดมีอำนาจเหนือกว่าความตั้งใจของเราเอง

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

แหล่งที่มาข้อมูล : 

Scientists have edited a gene that may reduce high cholesterol permanently

Experimental daily pill may lower cholesterol in patients who don’t see enough benefit with statins alone, study finds

American Heart Association

A Gene-Editing Therapy Cut Cholesterol Levels by Half