เมื่อวันที่ 18 พ.ย.2568 โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เปิดทำเนียบขาวต้อนรับเจ้าชายโมฮัมมัด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีแห่งซาอุดีอาระเบีย ในโอกาสเสด็จเยือนสหรัฐฯ โดยทั้งสองได้พบปะพูดคุยกันในห้องทำงานรูปไข่ ท่ามกลางกองทัพสื่อมวลชน
เจ้าชายโมฮัมมัด ใช้โอกาสนี้ประกาศว่า ซาอุดีอาระเบียจะเพิ่มการลงทุนในสหรัฐฯ จาก 600,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และเมื่อถูกนักข่าวถามว่า ซาอุดีอาระเบียสามารถแบกรับภาระนี้ได้หรือไม่ มกุฎราชกุมาร ทรงตอบว่า เราไม่ได้สร้างโอกาสปลอมๆ เพื่อเอาใจอเมริกา หรือเอาใจประธานาธิบดีทรัมป์ได้
เจ้าชายโมฮัมมัด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีแห่งซาอุดีอาระเบีย (ซ้าย) และโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา (ขวา)
เจ้าชายโมฮัมมัด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีแห่งซาอุดีอาระเบีย (ซ้าย) และโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา (ขวา)
ขณะที่ทรัมป์ ระบุว่า สหรัฐฯ จะขายเครื่องบินขับไล่ F-35 ให้กับซาอุดีอาระเบียที่ได้ขอซื้อเครื่องบินจำนวน 48 ลำ ซึ่งถือเป็นการขายเครื่องบินขับไล่ F-35 ครั้งแรกของสหรัฐฯ ให้กับซาอุดีอาระเบีย และถือเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งสำคัญและถูกมองว่าอาจเป็นตัวเปลี่ยนแปลงสมดุลทางทหารในตะวันออกกลาง เนื่องจากจนถึงปัจจุบันอิสราเอลเป็นประเทศเดียวในตะวันออกกลางที่มีเครื่องบิน F-35
นอกจากนี้ อีกหนึ่งในประเด็นที่ผู้สื่อข่าวให้ความสนใจคือเรื่องการฆาตกรรมจามาล คาช็อกกี นักข่าวของวอชิงตัน โพสต์ ซึ่งถูกสังหารภายในสถานกงสุลซาอุดีอาระเบียที่นครอิสตันบูลของตุรกี เมื่อปี 2561 และกล่าวด้วยว่าครอบครัวผู้เสียชีวิตในเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน 2001 (หรือปี 2544) โกรธที่มกุฎราชกุมารมาเยือน เนื่องจากผู้ก่อเหตุ 15 จาก 19 คนในเหตุการณ์นั้นเป็นชาวซาอุดีอาระเบีย
ประเด็นนี้ ทรัมป์ออกตัวตอบแทนว่า มกุฎราชกุมารทรงทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมและพระองค์ไม่รู้เห็นเรื่องการสังหารดังกล่าว โดยคำพูดของทรัมป์ถือว่าสวนทางกับรายงานข่าวกรองของสหรัฐฯ ปี 2564 ที่ระบุว่าเจ้าชายโมฮัมมัดเป็นผู้อนุมัติแผนการสังหารนักข่าวคนวอชิงตัน โพสต์
มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบียพูดคุยกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในห้องทำงานรูปไข่ที่ทำเนียบขาว
มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบียพูดคุยกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในห้องทำงานรูปไข่ที่ทำเนียบขาว
ด้านเจ้าชายโมฮัมมัด ตรัสแทรกขึ้นมาว่า พระองค์ทรงรู้สึกเจ็บปวดต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิตในโศกนาฏกรรมเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ส่วนกรณีของคาช็อกกี พระองค์รู้สึกเจ็บปวดที่ได้ยินเรื่องราวของใครก็ตามที่ต้องสูญเสียชีวิตโดยเปล่าประโยชน์ และทรงยืนยันว่ามีการใช้ขั้นตอนที่ถูกต้องระหว่างการสืบสวน และมีการปรับปรุงระบบต่างๆ แล้วเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอีก
ด้านนักวิเคราะห์ ระบุว่า การที่รัฐบาลสหรัฐฯ ให้การต้อนรับมกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบียอย่างอบอุ่นเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสองเริ่มดีขึ้นโดยลำดับ หลังย่ำแย่หนักหลังเกิดเรื่องอื้อฉาวกรณีสังหารคาช็อกกี
อ่านข่าว
UNSC ลงมติรับร่างแผนยุติสงครามในกาซาของสหรัฐฯ
"จีน" ยังไม่พอใจคุย "ญี่ปุ่น" เรียกร้องนายกฯ คนใหม่ถอนคำพูดปมไต้หวัน











