วันนี้ (21 พ.ย.2568) นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ในปี 2568 หลายจังหวัด โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา เผชิญกับสถานการณ์น้ำท่วมยาวนานกว่าปกติ ส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินประชาชน ซึ่งรัฐบาลได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหา เพื่อบรรเทาผลกระทบและให้ระดับน้ำกลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด
แม้หน่วยงานได้เตรียมพร้อมระบายน้ำจากเขื่อนใหญ่ล่วงหน้าตั้งแต่เดือน ม.ค.2568 โดยปรับเป้าหมายให้เขื่อนมีปริมาณน้ำในช่วงสิ้นสุดฤดูฝน ร้อยละ 80 ของความจุเก็บกัก จากเป้าหมายเดิมที่มุ่งเก็บน้ำให้เต็มความจุ และทยอยระบายน้ำในช่วงระหว่างฤดูอย่างต่อเนื่อง
สภาพอากาศแปรปรวนในปีนี้ ทำให้ไทยได้รับอิทธิพลทางอ้อมจากพายุถึง 6 ลูก ได้แก่ พายุวิภา คาจิกิ หนองฟ้า ตาปะฮ์ รากาซา และบัวลอย ส่งผลให้ร่องความกดอากาศและหย่อมความกดอากาศต่ำมีกำลังแรง ทำให้มีปริมาณฝนตกเป็นจำนวนมากตลอดฤดู และมีน้ำไหลเข้าสะสมในเขื่อนต่อเนื่อง ประกอบกับการระบายน้ำของเขื่อนจำเป็นต้องประเมินสถานการณ์ท้ายน้ำควบคู่ หลายช่วงเวลาจึงจำเป็นต้องลดการระบายน้ำเพื่อช่วยหน่วงน้ำไว้ในเขื่อน ไม่ให้ไหลไปสมทบในพื้นที่ที่มีระดับน้ำสูงอยู่แล้ว
ทำให้เขื่อนขนาดใหญ่หลายแห่งมีปริมาณน้ำมากในช่วงปลายฤดูฝน โดยเฉพาะเขื่อนภูมิพล ต้องระบายน้ำในอัตรา 30-55 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวัน ส่วนของเขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ยังรักษาอัตราการระบายคงที่ เพื่อช่วยลดปริมาณน้ำที่จะไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง โดยน้ำจากเขื่อนในพื้นที่ตอนบนของประเทศ คิดเป็นประมาณร้อยละ 25 ของน้ำท่าที่ไหลจากเขื่อนเจ้าพระยา
ขณะเดียวกันช่วงปลายเดือน ต.ค. ปกติปริมาณน้ำจะเริ่มลดลง แต่ปีนี้กลับมีฝนตกหนักต่อเนื่อง นอกจากนี้ในช่วงวันที่ 31 ต.ค. - 9 พ.ย.ถือเป็นช่วงสิ้นสุดฤดูฝนแล้ว ยังมีพายุคัลแมกีเคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง ทำให้ปริมาณฝนเดือน พ.ย. สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทำให้ต้องเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาอีกครั้ง สูงสุดถึง 2,900 ลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งสูงกว่าจุดวิกฤตที่ 2,730 ลบ.ม.ต่อวินาที เป็นเหตุให้เกิดน้ำท่วมในหลายจังหวัดด้านท้ายเขื่อน เช่น จ.ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา รวมถึงพื้นที่ลุ่มต่ำสองฝั่งแม่น้ำ
รองเลขาธิการ สทนช. กล่าวอีกว่า ทุกหน่วยงานได้เร่งบริหารจัดการน้ำ โดยปรับลดการระบายน้ำเขื่อนภูมิพลและทยอยลดการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยาลงตามลำดับ พร้อมระดมกำลังแก้ปัญหาน้ำท่วม เพื่อให้สามารถเข้าฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบได้โดยเร็ว
อ่านข่าว
สุราษฎร์ฯ ประกาศ 3 อำเภอ เป็นพื้นที่ภัยพิบัติน้ำท่วม อ.ไชยาน่าห่วงสุด
ฝนตกหนัก "พัทลุง" ปภ.แจ้งเตือน 5 อำเภอระวังน้ำท่วม-ดินถล่ม
เร่งระบายน้ำออก "ทุ่งบางระกำ" คาด 30 พ.ย.เหลือน้ำในทุ่ง 100 ล้าน ลบ.ม.











